::Ayutthaya Trip::


พระนครศรีอยุธยา เมืองหลวงเก่าที่มีประวัติยาวนานของประเทศไทย ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกในการไปเยือนจังหวัดนี้ แต่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ไปด้วยตัวเอง


เมื่อวานท้องฟ้าแจ่มใส ทั้งๆที่พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตก แต่เอาน่า โชคดีแค่ไหนที่ฟ้าฝนเป็นใจสำหรับทริปเล็กๆ ของเด็กตาดำๆ อย่างฉัน หลายวันที่ผ่านมา ฉันมีพระจันทร์เป็นเพื่อนคู่คิด แต่สำหรับวันนี้ฉันมีพระอาทิตย์เป็นเพื่อนยามเดินทาง เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหน พระอาทิตย์ก็อยู่เป็นเพื่อนฉันเสมอ สาดแสงลงมา ไม่นึกถึงจิตใจของเพื่อนตัวน้อยๆ ที่เดินอยู่ข้างล่างเอาซะเล้ย


ไปถึงอยุธยาด้วยรถ ป.1 เวลาประมาณ 11 โมง แดดกำลังดีเชียวล่ะ ลงจากรถ ฉันก็ต่อรถรับจ้างไปวิหารมงคลบพิตรด้วยราคา 30 บาท ที่จริงแล้ว ฉันว่าไอ้ 30 บาทที่จ่ายไปเนี่ย มันแพงอยู่เหมือนกันนะ เพราะหลังจากที่ฉันลงจากรถแล้ว ระยะทางที่ขับมาเนี่ย ขาทั้งสองข้างของฉันสามารถที่จะเดินไปได้ด้วยตัวเอง แต่อย่างว่า ถนนหนทางก็ไม่ค่อยรู้ ครั้งนี้เลยงูๆ ปลาๆ เสียค่ารถไปเยอะเหมือนกัน


ถึงหน้าวิหารพระมงคลบพิธ ความงดงามของวิหารแห่งนี้ไม่ว่ากี่ปีผ่านมาก็ยังสวยงามเช่นเดิม ทุกๆ ครั้งที่มาอยุธยา ฉันกับครอบครัวต้องมาไหว้พระที่วัดนี้





ก่อนเดินเข้าไปข้างใน ฉันได้เจอคุณตาคนนึง กำลังนั่งขายงานฝีมืออะไรซักอย่าง ก่อนจะออกจากที่นี่ ฉันเลยอุดหนุนคุณตาซะหน่อย ฉันกับเพื่อน ซื้อมาคนละตัว ตัวละ 20 บาท คุณตาคนนี้รู้สึกว่าจะตาไม่ดีด้วย เดินก็ไม่ค่อยไหว เฮ้อ ... ลองคิดดูสิ ถ้าแก่ตัวไปฉันต้องมานั่งขายของอะไรอย่างนี้ มันจะเป็นยังไง ทำไมนะ ลูกหลานถึงไม่ดูแล ทั้งๆที่ก็เป็นคุณปู่ คุณตา หรือคุณพ่อของตัวเอง ทำไมถึงทิ้งคนแก่กันอย่างนี้ เด็กต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิด ต้องการคนอบรบสั่งสอน แต่สำหรับคนแก่ พวกท่านขอเพียงคนเอาใจใส่ท่าน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว


ออกจากวิหารพระมงคลบพิธ ข้างๆ เป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ ค่าเข้าชม 10 บาทสำหรับคนไทย ข้างในวัด ก็เป็นพวก ตัวโบสถ์ เจดีย์ เก่าๆ ที่ยังเหลืออยู่จากร่องรอยของการเสียกรุงครั้งที่ 2





ออกจากวัพดระศรีสรรเพชญ์ ก็เดินไปเดินมาแถวๆ นั้นซักพัก เพราะเริ่มงงกับแผนที่ ไม่รู้จะไปทางไหนดี เลยถามคุณป้าหน้าวัดพระรามว่าจะไปเช่าจักรยานได้ที่ไหน คุณป้าใจดี พูดเพราะมาก เพราะตั้งแต่จากกรุงเทพมาถึงอยุธยา ฉันไม่ค่อยสบอารมณ์นักกับคำพูดของผู้คนที่เข้ามาในทริปครั้งนี้ คนไทยที่เป็นคนยิ้มง่าย อ่อนหวาน มีน้ำใจ นับวันมันยิ่งจะจางหายไป ช่างหายากเหลือเกิน


เดินๆ ๆ และเดิน ไปถึงวัดราชบูรณะ ตอนแรกฉันไม่รู้หรอกว่าวัดนี้ชื่อวัดอะไร ฉันชอบวัดนี้เหลือเกิน มันสวยมาก สวยจริงๆ ไม่รู้นะ คนอื่นอาจจะคิดว่ามันก็ธรรมดา เหมือนกันวัดอื่นๆ ทั่วไป แต่สำหรับฉัน ฉันประทับใจวัดนี้ที่สุด





เดินไปถึงหน้าวัดราชบูรณะ เหลือจักรยานอยู่ 2 คัน แล้วมันสูงด้วยสิ ไอ้ฉันก็ตัวไม่ได้สูงอะไร เดี๋ยวขี่ๆ ไปเกิดต้องเบรกกระทันหัน เดี๋ยวจะล้มไปซะก่อน เลยปรึกษากันยัยเพื่อนที่หนีบไปด้วยว่า จะขี่ไม่ขี่ ผลออกมาคือไม่เอาดีกว่า เพราะความสูงของเราทั้งคู่ไม่ได้ต่างอะไรกันซักเท่าไหร่ และทักษะในการขี่จักรยานในถนนใหญ่ก็มีไม่มากด้วยกันทั้งคู่ เราเลยตัดสินใจ ข้ามถนนเพื่อไปยังถนนนเรศวร และจะต่อรถไปที่วัดใหญ่ชัยมงคล


วัดใหญ่ชัยมงคล ห่างออกไปจากตัวอุทยานประวัติศาสตร์พอสมควร พอดีมีรถรับจ้างขับคล้ายๆรถตุ๊กตุ๊ก ผ่านมา แล้วเค้าคิด 50 บาทซึ่งมันถูกกว่าคันที่ผ่านๆ มาฉันเลยตัดสินใจขึ้นคันนี้นี่แหละ เพราะลุงคนขับแกดูเทคแคร์ดี ระหว่างทางลุงก็แนะนำนู้น แนะนำนี่ เอาแผนที่(ดีๆ)มาให้ดู มีรูปวัดต่างๆ คือลุงแกเป็นมืออาชีพ ขับรถส่งฝรั่งเป็นประจำ


ทีแรกฉันคิดแค่ว่าให้ลุงไปส่งที่วัดใหญ่ชัยมงคลก็พอ แล้วฉันจะเดินไปวัดพนัญเชิง ซึ่งห่างจากวัดใหญ่ชัยมงคลไปเพียง 1 กิโล (ถึงแม้ 1 กิโลที่ว่าจะไกลสำหรับเพื่อนๆ แต่นักเดินตัวยงอย่างฉัน มันจิ๊บจ๊อยมาก) แต่ลุงแกแนะนำวัดดีๆ ในตัวเมืองที่ฉันเพิ่งออกมา และลุงแกบอกว่ารถแถวนี้แพง ไอ้เราก็มือใหม่ ก็เชื่อลุง เลยเหมาให้ลุงขับไปส่งที่วัดภูเขาทอง


เอ้า กลับมาที่วัดใหญ่ชัยมงคลก่อน ในวัดใหญ่ชัยมงคลนี้ เป็นวัดที่ยัยเพื่อนคนนี้ของฉันอยากมามาก ในวัดมีพระขาวนอนองค์ใหญ่ สวยงามเชียวล่ะ เดินเข้าไปข้างในยังมีเจดีย์ที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง ภายในเจดีย์มีค้างคาวหลายตัวมาก เหมือนเป็นที่หลับนอนของมันอย่างไงอย่างงั้น ขอบอกค่ะ ในนั้นเหม็นมาก แล้วระหว่างทางขึ้นโบสถ์เนี่ย บันไดค่อนข้างชัน เพื่อนสาวที่หนีบไปของฉันถึงกับเข่าอ่อน ตอนลงเจ๊แกลงแบบหมดความงามไปเลยล่ะ แต่ฉันว่า มันก็ไม่ได้ชันอะไรมากขนาดนั้นซะหน่อยเลยนะ !






 


ออกมาจากวัดใหญ่ชัยมงคล มุ่งหน้าไปวัดภูเขาทอง วันนี้ห่างจากตัวอุทยานไกลกว่าวัดใหญ่ชัยมงคลอีก ตอนแรก ไอ้ฉันก็กะว่า มาวัดนี้แล้วจะเดินไปที่วัดหน้าพระเมรุเอง เพราะดูจากแผนที่แล้ว มันไม่ไกลอะไรมากนัก ฉันและเพื่อน เดินกันได้สบายๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ระยะทางที่ฉันคาดเดาไว้ไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด ถ้าปั่นจักรยานน่ะพอไหว แต่ท่าจะให้เดินเนี่ย คงไม่ต้องทำอะไรกิน ไปถึงวัดหน้าพระเมรุก็ได้เวลากลับบ้านพอดี





วัดภูเขาทอง สง่า สวยงามถึงแม้จะน้อยกว่าในรูปก็ตาม วัดนี้เป็นวัดเงียบๆ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ อาจจะเพราะมันอยู่ไกลออกมาจากตัวอุทยาน ต้องเหมารถมา หรือไม่ก็ปั่นจักรยานมากัน บันไดที่นี้สูงและชันมาก ยัยเพื่อนสาวฉันเซย์กู๊ดบาย ตั้งแต่เห็นทีแรกแล้ว จะให้ฉันขึ้นไปคนเดียวก็คงไม่เอา เพราะบันไดไม่ใช่น้อยๆ กว่าจะขึ้น กว่าจะลงก็หมดเวลาเที่ยวที่อื่นพอดี ฉันเลยแค่เดินรอบๆ เท่านั้น



 


ออกจากวัดภูเขาทอง ตรงไปยังวัดไชยวัฒนาราม วัดนี้เป็นจุดสิ้นสุดที่ฉันจะเหมารถของลุง ให้ตายยังไง ฉันก็จะไม่เหมาต่อ เพราะค่ารถของลุงได้ทำร้ายจิตใจสองสาวอย่างฉันกับเพื่อนเหลือเกิน อันที่จริงราคาที่ลุงตั้งไว้มันก็ไม่แพงอะไรหรอกนะ แต่ฉันต้องการเซฟงบ อะไรที่พอจะเดินได้ก็อยากจะเดินมากกว่า ฉันคิดว่า การที่เราไปเที่ยวแต่เอาสบายจนเกินไป มันอาจขาดรสชาติของการเที่ยวในแบบของฉันไปอย่างนึง


วัดไชยวัฒนาราม หลายคนบอกที่นี่สวย สำหรับฉัน วัดนี้ยังไม่โดนใจเท่ากับวัดราชบูรณะ แต่มีอยู่มุมนึงที่ฉันเห็นแล้ว ฉันชอบมาก แต่เสียดายรูปที่ถ่ายมามีสาวญี่ปุ่นติดมาด้วย แต่ฉันก็คิดซะว่า มันได้อารมณ์ของรูปอีกแบบนึง วัดนี้ติดแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำเจ้าพระยาวันนี้น้ำเยอะมาก อาจจะเพราะวันที่ผ่านๆ มาฝนตก






 


ออกจากวัดไชยวราราม ฉันและเพื่อนเดินออกมาถึงสี่แยกใหญ่ ฉันไม่รู้ว่ามันเรียกว่าสี่แยกอะไร แต่กว่าจะเดินออกมาถึงสี่แยกนี้ หนทางก็ไกลพอสมควร พอดีตรงสีแยกมีเซเว่น เลยแวะเข้าไปหาน้ำหาท่าดื่มแก้ร้อนไปก่อน และก็โชคดีอีกที่มีรถสองแถวผ่านมาพอดี ฉันกับเพื่อนรีบกระโจนขึ้นรถทันที ค่ารถสองแถวที่นี่ถูกเหลือเกิน ถ้าฉันจ้างลุงต่อคงต้องจ่ายกันคนละหลายสิบ แต่นี่ฉันจ่ายแค่ 7 บาทเท่านั้น คุ้มจริงๆ


นั่งรถสองแถวมาลงที่วัดราชบูรณะวัดที่ฉันชอบที่สุดในอยุธยา ที่ลงที่นี้เพราะฉันกับเพื่อนตั้งแต่มายังไม่ได้ถ่ายรูปคู่เลย เลยเดินหาเหยื่อแถวๆ นั้นๆ ข้ามถนนไปวัดมหาธาตุ มีทัวร์ญี่ปุ่นกำลังเยี่ยมชมวัดอยู่ ฉันเลยเดินเข้าไปในวัดมหาธาตุเพื่อหาเหยื่อถ่ายรูปและวิวสวยๆ เหมือนเดิมค่ะ ค่าเข้าชม 10 บาท






  


ในที่สุดฉันก็เจอเหยื่อ สาวญี่ปุ่นใจดีถ่ายรูปให้เรา ต้องขอบคุณมาก ถึงแม้รูปอาจจะออกมาไม่สวยอย่างที่เราต้องการ แต่อย่างน้อย ฉันและเพื่อนก็ได้ถ่ายรูปคู่ เป็นการยืนยันว่า เรามากันสองคนนะ
เดินจากวัดมหาธาตุไปยังวินรถตู้กลับกรุงเทพ ระยะทางก็ไกลพอสมควร แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว บอกแล้วไงล่ะคะ ว่าฉันน่ะนักเดินตัวยงค่ารถตู้กลับบ้านอีกคนละ 60 บาท แพงกว่าขามาเพียง 5 บาท รถไปจอดที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถือว่าเร็วนะคะ
ก่อนกลับบ้านแวะทานก๋วยเตี๋ยวที่อนุสาวรีย์ชัยฯ แล้วก็ขึ้นบีทีเอส เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภา
 



สำหรับทริปนี้ อาจจะเป็นทริปสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ความสนุกสนาน ไปครั้งนี้ปลดปล่อยอะไรทุกข์ๆไปหลายอย่าง อาจจะเหนื่อยบ้าง หลงบ้าง กลับมาตัวดำขึ้นบ้าง แต่ฉันก็รู้สึกดีที่ได้ไป


ต้องขอบคุณฟ้าฝนที่เป็นใจ ขอบคุณพระอาทิตย์เพื่อนยามเดินทางของฉัน ขอบคุณยัยเพื่อนสาวที่ฉันหนีบไปด้วย และสุดท้าย ขอบคุณวันพฤหัสบดีที่ทำให้ฉันมีทริป ที่สนุกๆ อย่างนี้อีกครั้ง

No comments:

Post a Comment