::The Last Trip Of This Year::




เมื่อวานโอกาสเหมาะเจาะฉันเลยได้ไปโลดแล่นมา 2 ที่กับ 2 จังหวัด ไปสะพานข้ามแม่น้ำแควกับพระปฐมเจดีย์มาค่ะ หลังจากเคร่งเครียดกับ 2 สัปดาห์ของการสอบกลางภาคที่กระอักออกมาเป็นเลือด พอสอบเสร็จรู้สึกโล่ง แต่เดี๋ยวต้องไปนั่งลุ้นตัวโก่งอีกทีหลังปีใหม่กับคะแนนสอบทั้ง 6 ตัว



ออกเดินทางจากบ้าน 6 โมงเช้า สองถนนข้างทางยังมีไฟเปิดอยู่เป็นระยะๆ พื้นถนนมีรถไม่มาก ขับผ่านพอให้รู้ว่านี่นะถนน อากาศตอนเช้าก็ไม่ร้อน นี่แหละน้า...ข้อดีของการเดินทางตอนเช้า สำหรับฉัน ถ้าตื่นเช้าวันนั้นทั้งวันก็จะรู้สึกสดชื่น


ครั้งนี้ใช้พาหนะเดินทางไปกาญฯ ด้วยรถไฟ รู้กันมั้ยคะ นี่เป็นครั้งแรกเลยเชียวนะที่ฉันได้ลิ้มลองการขึ้นรถไฟ ปู๊นๆ เกิดมาจะย่างเข้าเลข 2 เพิ่งจะได้มาขึ้นก็เมื่อวานนี้แหละค่ะ ฉันเลยออกจะตื่นเต้นนิดๆ กว่าคนร่วมทางข้างๆ นิดหน่อย


  


รถไฟไทยยังเหมือนเดิมค่ะ ความตรงต่อเวลาหาไม่ได้ ตั๋วบอกออก 7.46 กว่าจะออกก็ปาไป 8.10 แล้ว แต่เผอิญอากาศดี และเลือกนั่งฝั่งที่ไม่โดนแดด เลยทำให้ไม่รู้สึกเบื่อ นั่งมองวิวไปเรื่อยๆ ลมพัดเข้าหน้ารับอากาศดีๆ ที่หาได้น้อยในกรุงเทพฯ 


 


ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเป็น 2 สาวชาวต่างชาติ คนนึงมากจากไต้หวัน ส่วนอีกสาวนี่คงแถบๆ ยุโรปหรือไม่ก็อเมริกา สาวไต้หวันหันมาถามถึงราคาตั๋วรถไฟว่า ของคนไทยเขาคิดกันเท่าไหร่ ฉันซื้อตั๋วไปสถานีสุดท้ายที่น้ำตกเลยก็ ราวๆ 30-40 บาท(จำไม่ได้ค่ะ!) แต่สำหรับคนต่างชาติฉันเพิ่งรู้จากสาวไต้หวันว่า มันตั้ง 100 บาท ฉันถึงกับอึ้งและรู้สึกอายแทนประเทศตัวเองที่หาเงินกับชาวต่างชาติเช่นนี้ ทั้งๆที่ เขาก็คนเหมือนกัน แต่อย่างว่าล่ะค่ะ ฉันก็(ต้อง)เข้าใจถึงระบบๆ นี้ ที่หลายๆประเทศก็ต้องชาร์ตเงินสำหรับค่าใช้บริการของนักท่องเที่ยวต่างถิ่น


 


ถึงแม้จะซื้อตั๋วถึงสถานีน้ำตก แต่ต้องจำใจลงที่สถานีสะพาน เพราะเวลาไม่เคยคอยใคร กว่าจะถึงน้ำตก คงราวบ่ายๆ ถึงแล้วคงต้องตีรถกลับทันที เลยคิดว่าลงสะพานแล้วหาที่เที่ยวในเมืองดีกว่า


 


 


เมื่อวานแม่น้ำแควใส สวย กว่าครั้งก่อนที่มาเยือน เรียกว่าเทียบกันไม่ติด มองแล้วนึกว่าอยู่ยุโรปที่น้ำจะออกสีเขียวหน่อยๆ มองแล้วสบายตา และสบายใจ


 


เดินไปเดินกลับสะพานข้ามแม่น้ำแคว ก็ถึงเวลาออกจากสะพานไปหาสถานีขนส่ง เพราะจะต้องรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน จะไปเที่ยวไหนจะได้กลับมาถูก เพราะบอกตรงๆว่า ไม่ได้วางแผนการเที่ยวในครั้งนี้มากนัก เลยออกจะมึนๆ งงๆ เสียหน่อย ใช้ถามทางชาวบ้านไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถึงสถานีขนส่ง


 


พอถึงปุ๊บ ความคิดมันปิ๊งว่า ถ้าเที่ยวในกาญฯ ต่อคงไม่มีอะไร เพราะสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่มันก็ไกลจากตัวเมือง ที่อยู่ใกล้ๆ ก็เป็นพวกสุสานเสียมากกว่า เลยนั่งรถทัวร์ไปนครปฐม ที่นั่นน่าจะมีอะไรให้ดูมากกว่า อย่างน้อยๆ ก็พระปฐมเจดีย์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวนครปฐม 


 
น้องไอเลิฟยู (สังเกตตรงนิ้ว)


ฉันจำไม่ได้ว่าฉันเคยมาพระปฐมเจดีย์หรือเปล่า แต่เท่าที่จำได้น่าจะไม่เคย ถึงแม้จะเป็นช่วงเย็นๆ แล้ว แต่ผู้คนก็ยังเข้ามากราบไหว้พระกันอยู่ มีทั้งเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ถึงคนชรา การปลูกฝังเด็กให้เข้าวัดบ่อยๆ น่าจะทำให้สังคมในอนาคตดีขึ้นไม่มากก็น้อย ฉันเชื่อเช่นนี้


 


จะถึงปีใหม่แล้ว เพื่อนๆจะไปเที่ยวที่ไหนกันคะ สงสัยฉันคงต้องอยู่บ้าน รออ่านไดฯของเพื่อนๆแน่เลย เพราะปีใหม่คนเยอะ อยู่บ้าน พักผ่อน เก็บแรงไว้ฟังผลสอบดีกว่า

::At Night In BKK::


เมื่อวันอังคารที่แล้ว มีโอกาสไปชมเมืองยามค่ำคืนมาล่ะค่ะ สวยงามมากๆ (แต่แอบคิดในใจว่าไม่รู้จะเปลืองค่าไฟของชาติไปเท่าไหร่ก็มิรู้) นั่งรถตุ๊กตุ๊กชมเมือง เพราะพาเพื่อนของพี่เที่ยว (ชาวต่างชาติ) พี่คนขับก็น่ารักมากๆเลย เดาว่าแกเป็นคนใต้ พอขับไปซักพักแกก็ไปรับแฟนแกที่รออยู่ ตอนแรกฉันก็ตกใจนิดๆ ค่ะ หยุดทำไมกัน แต่แบบพอเห็นแฟนแกเดินมานั่งข้างๆแก คุยกันกุ๊กกิ๊ก น่ารักมากๆเลยค่ะ แฟนแกยังหันมาส่งยิ้มหวานให้อีกรายรอบ ดูแล้วน่าอิดฉาไม่ใช่เล่น


มีรูปมาฝากด้วยนะคะ อาจไม่สวยเท่าไหร่ ก็อย่าว่ากันเน้ออออ....


 

 

 

 


ขอเม้าท์เพื่อนพี่หน่อยนะคะ แบบเฮียพูดเร็วมาก เร็วจริงๆ ฉันนี่ฟังแทบไม่ทัน จับคำไม่ได้เลย แบบเป็นอเมริกันของแท้เลยก็ว่าได้ โอ้แม่เจ้า หันมาคุยกับฉัน ฉันอยากเอาหัวกระแทกพื้นซีเมนต์ เพราะฟังไม่รู้เรื่อง อยากหายไปซะตอนนั้น แล้วเฮียแกนี่พูดเร็วยังไม่พอ พูดเก่งด้วยค่ะ พูดน้ำไหลไฟดับ หันไปคุยกับคนนู้นที คนนี้ที มนุษยสัมพันธุ์เนี่ยให้เฮียได้โล่เลยค่ะ


พาเฮียไปหลายที่อยู่เหมือนกัน ไปพระที่นั่งวิมานเมฆ พระที่นั่งอนันตสมาคม วัดโพธิ์ วัดอรุณ ก่อนกลับมีดินเนอร์สุดหรู(หรอ?) ที่วังหลัง ตบด้วยนั่งรถชมเมือง ชมแสงสียามค่ำคืนรอบๆ เกาะรัตนโกสินทร์


วันนั้นถือว่าเป็นวันที่ฉันค่อนข้างเหนื่อย ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเหนื่อยเหมือนกัน เพราะปกติฉันก็เที่ยวอย่างนี้บ่อยๆ แต่นี่อาจจะใส่สมองและประสาทส่วนการรับฟังมากไปหน่อย เลยล้า กลับบ้านหลับเป็นตายเลยค่ะ
  

ปล. วันนี้วันเกิดแม่ ยังไม่ได้แฮปเลย เพิ่งจะทะเลาะกันเอง

::วันหนึ่งวัน::


เคยคิดมั้ยว่า ... เกิดมาคุ้มหรือยัง??


ยัง เป็นคำตอบที่หนักแน่นและตอบได้ทันทีสำหรับฉัน อย่างว่าล่ะผ่านฝนมาเพียงไม่กี่ปีจะไปชีวิตให้มันคุ้มได้อย่างไร คุ้ม-ไม่คุ้ม ความหมายของมันก็ขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละคนอีกล่ะ คุ้มยังไง คุ้มแบบไหน


ช่วงนี้ต่อมเที่ยวกำเริบมากๆ มือไม้ ขาสั่นดิ๊กๆ อยากไปเที่ยว ใจก็เพ้อไปถึงนู้นที นี่ที ยิ่งช่วงนี้เห็นพวก Backpacker บ่อยๆ ใจเตลิดทุกที คิดในใจว่า "แหม เมื่อไหร่จะถึงทีของเราน้า..."


มีอยู่หลายทริปที่ตั้งท่าจะไป แต่ก็ล้มไม่เป็นท่า เดี๋ยวติดนี่ ติดนู้น ฉันว่าง เพื่อนไม่ว่าง งบหมด วนเวียนอยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือสวรรค์จะแกล้งฉันกันแน่!


วันนี้มีโอกาสได้คุยกับ Nice Sis นานๆซะที คุยหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเที่ยว ฉันได้ฟังคำหนึ่งจากปากของพี่สาวคนนี้ ถึงกับตกใจ "พี่ไม่อยากเรียนแล้ว" คำนี่แหละ ฉันไม่คิดว่า คำนี้จะพูดออกมาจากปากเค้า เพราะหลายๆ อย่างเป็นเหตุผลประกอบ ท่าทางช่วงนี้คงเรียนหนัก มีอะไรให้คิดเยอะเกินไปมั้ง หรือไม่ก็เอาใจไปจ่อกับบางสิ่งมากเกินไป


ความคิดอย่างนี้เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และกับทุกๆ คน ใช่ว่าฉันไม่เคย ฉันก็เป็นบ่อยๆ ที่มีความคิดเช่นนี้วิ่งปรู๊ดเข้ามา แต่ฉันพยายามเบรคมันไว้แค่ความคิด อย่าเชียวนะ อย่าเผลอให้ความคิดนี้มันสั่งให้ฉันปฏิบัติตามเชียวล่ะ


รู้มั้ยคะ ตอนที่ฉันกำลังนั่งรถกลับบ้าน ฉันคิดว่ฉันจะเขียนไดวันนี้เกี่ยวกับการเมืองที่ยิ่งแย่ขึ้นทุกๆ วันของประเทศไทย แต่ไหงลืมมันซะเฉยๆ ก็ไม่รู้ เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้ เอาเป็นว่า แปะไว้ก่อนละกันนะคะ ฉันมีอะไรหลายอย่างเลยล่ะที่อยากจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมืองไทยหนอเมืองไทย