::เกาะล้าน::




วัน ศุกร์ที่ 24 มีนาคม ฉันได้มีโอกาสไปพักกายผ่อนใจที่เกาะล้านมาค่ะ ต้องบอกว่าเป็นโอกาสที่เกือบจะไม่ได้มา เป็นโอกาสที่หยิบมาได้อย่างยากเย็นเสียเหลือเกิน
.
.
.
ออก เดินทางกันตั้งแต่รุ่งอรุณ เวลา 6 โมงนิดๆ ถึงสถานีขนส่งเอกมัย ตั้งใจจะนั่งรถป.1 ไปลงพัทยาเหนือและต่อรถสองแถวเข้าไปพัทยาใต้ แต่มันเป็นแค่ความตั้งใจ เพราะในความจริงแล้ว ฉันนั่งรถป.2 ไปรถพัทยาเหนือ แล้วต่อรถสองแถวไปลงสี่แยก(อะไรไม่รู้ ตรงวัดชัยฯ) แล้วเดินเท้ากิโลกว่าๆคงจะได้ไปท่าเรือข้ามเกาะล้าน

 

ฉัน รู้สึกแย่ตั้งแต่ได้นั่งรถป.2 เพราะรู้ถึงความอืดอาด ยือยาดของมันดี เพราะยังจำไม่เคยลืมจากตอนที่ไปตัวเมือง รถขับเหมือนเต่าเดิน แต่ไม่ใช่เต่าที่เอาชนะกระต่ายในนิทาน เพราะฉันว่าถึงกระต่างจะนอนไปกี่ตลบเต่าตัวนี้คงไม่มีวันชนะกระต่ายเป็น แน่แท้!! แต่สำหรับครั้งนี้ ป.2 ก็ไม่อืดอาดอย่างเคย เพียงแต่จอดรถรอรับผู้โดยสารกลางทางนานมากเท่านั้นเอง ....

เอ๊... ทำไมไม่ขึ้นป.1 น่ะหรอ ก็เพราะว่าคนขับรถบอกว่าป.1 ออกอีกที 8 โมงเลย ฉันผู้เป็นเด็กน้อยประสบการณ์ดันหลงเชื่อซะสนิทใจ แต่เมื่อโทรไปเช็คทางสถานีขนส่ง “รถออกทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ” เสียงจากปลายสายว่ามาอย่างนี้ ... ว่าแล้วมั้ยล่ะ!! แต่มาคิดให้ดีอีกที ถึงจะมาป.1 ลงพัทยาเหนือ กว่าจะนั่งรถไปพัทยาใต้ กว่าจะเดินเข้าไป เวลาคงไม่ทันเรือออกแน่ๆ อ่อ ฉันตั้งใจจะไปเรือรอบ 10 โมงค่ะ

การ ที่เราพลาดอะไรบางอย่าง แต่ก็ทำให้เราได้รู้และรับอะไรบางอย่าง ฉันได้รู้เส้นทางรถสองแถวหลายสาย ฉันได้รู้ทางเดินไปยังท่าเรือโดยไม่ต้องเหมารถเข้าไปให้เสียทรัพย์ ฉันได้รู้ถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามสองฝั่งทาง ร้านอาหาร บาร์ อาบอบนวด และฉันได้รับน้ำใจจากชาวบ้านผู้ช่วยเหลือคนแปลกหน้าอย่างฉัน

ไป ถึงท่าเรือราวๆ 10 โมงกว่าๆ เกือบจะ 11 โมง มีเรือไปเกาะล้านเป็นคล้ายๆสำหรับชาวต่างชาติ ราคาแตกต่างจากเรือรอบ 10 โมงอยู่มาก 20 ---> 150 แต่ 150นี่คือไปกลับ แถมยังมีรอบที่กำลังดีในการเดินทางกลับบ้านเสียด้วย 150 สำหรับฉันจึงคุ้มสำหรับฉันผู้ซึ่งไม่เคยเหยียบเกาะล้านมาก่อน และต้องการเซฟเวลาในการเดินทาง

 

45 นาทีให้หลัง สองเท้าฉันได้เหยียบย้ำลงบนพื้นทรายขาวสะอาดของเกาะล้าน หาดที่ฉันลงคือหาดสังวาลย์ ไม่ใช่ท่าหน้าบ้านอย่างเรือเมล์ปกติ (ก็มันสำหรับฝรั่งนี่ ไม่ต้องต่อรถให้ยุ่งยาก) แต่ฉันตั้งใจจะไปหาดตาแหวน ถามชาวบ้านแถวนั้นเขาบอกว่าเดินเลาะไปตามทางนี่ก็ถึงแล้ว ฉันจึงเดินดุ่มๆ กลางแดดร้อนจ้าไป ไม่ไกลนั่นคือหาดตาแหวน หาดที่ฉันจะมาพักกายผ่อนใจ .....

ก่อน ถึงฉันได้พบปะกับสิ่งที่ฉันไม่พึงประสงค์เป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ ... คำแซวจากชายแถวนั้น ฉันเชื่อว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบแน่ๆ เหตุการณ์นั้นทำให้ฉันรู้สึกว่า ขนาดเราหน้าตาก็งั้นๆ ยังแซวกันซะขนาดนั้น แล้วถ้าเกิดเป็นคนที่หุ่นดี หน้าตาดีแล้วล่ะ พวกเขาจะต้องทนกับเหตุการณ์เช่นนี้ยิ่งกว่าฉันแน่ๆ คิดแล้วฉันดีใจ ที่เกิดมาไม่สวยเสียจริงๆ ฮ่าๆ

 

ถึง แล้วหาดตาแหวน ...... เขาว่ากันว่า อาหารในเกาะล้านนี่แพงมหาโหด ณ วินาทีแรกที่เปิดเมนูอาหาร ฉันเห็นด้วยไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด ฉันเห็นราคาจนฉันทานไม่ลง อยากจะกลับไปสั่งข้าวผัดกุ้งหน้าบ้านทานเสียอย่างนั้น แต่คิดในใจว่า “เอาวะ มาถึงแล้ว ยังไงก็ต้องทาน” ...... ฉันจึงสั่งอาหาร

นั่งไปได้ซักพัก ฉันก็หลับไปเสียอย่างนั้น .... ตื่นขึ้นมาแล้วดันไปได้ยินว่า “เฮ้ย อีก10 นาทีก็ 80 แล้ว” แล้วเพื่อนร่วมทางฉันกำลังลุกขึ้นเพื่อจะย้ายที่นั่งพอดี มันเลยทำให้ฉันคิดขึ้นมาว่า “เฮ้ย ชั่วโมงละ 40 เลยหรอเนี่ย” เพราะฉันนั่งมาได้เกือบจะ 2 ชั่วโมงแล้ว แต่มันเป็นความคิดที่ฉันคิดเพ้อเจ้อไปเองค่ะ ที่จริงแล้ว ทั้งค่าอาหาร ค่าเตียงผ้าใบ รวมทั้งหมดเพียง 150 บาท มันถูกแสนจะถูก ทั้งๆ ที่ในเมนู ข้าวผัดกุ้งจานกลางที่ฉันสั่งไปก็ราคา 200 บาทแล้ว มันคงเป็นราคาสำหรับชาวต่างชาติมั้งค่ะ ฉันเป็นคนไทย เลยได้ราตาย่อมเยา แต่ฉันก็ยังแอบคิดเล่นๆ ว่า “เขาได้ยินฉันบ่นเรื่องราคารึเปล่า เลยลดฮวบซะขนาดนี้” ฮ่าๆ

ได้เวลาออกไปสูดอากาศกันนอกเตียงผ้าใบแล้วค่ะ น้ำที่นี่ใสมากๆ ใสกว่าเสม็ดอีกนะคะ (แต่ทรายที่นู้นสวยและนุ่มกว่า!) ฉันก็เดินๆ ถ่ายๆ ถ่ายวิวบ้าง คนบ้าง แล้วดันไปจ๊ะเอ๋กับเงาตัวเอง กดชัตเตอร์ออกมา อุ้ย เจ๋งดี เลยชวนเพื่อนร่วมทางมาแอ๊คท่า อย่างที่เห็น ทายซิคะว่าฉันคนไหน ... ซ้าย หรือ ขวา

 

ตกลง กันว่าจะออกจากเกาะตอน 4 โมงเย็น แต่ปัญหามีอยู่ว่า ฉันต้องเดินผ่านผู้คนที่แซวฉันเมื่อตอนขามา ฉันเลยหาวิธีที่จะกลับโดยไม่เดินผ่านตรงนั้น ซึ่งถามคนแถวนั้นคำตอบที่ได้คือ “ไม่มี ต้องเดินผ่านตรงนั้นอย่างเดียว” แต่แล้วโชคเกิดเข้าข้าง เพื่อนร่วมเดินทางตาไว เห็นร่มคล้ายๆ เรือที่มาส่งเมื่อเช้ามาจอดอยู่แถวๆ หาดตาแหวน เขาเลยวิ่งไปถาม และได้คำตอบที่ว่า ถ้าจะขึ้นเรือกลับฝั่งพัทยาจากหาดนี้เลยโดยไม่ต้องไปหาดสังวาลย์อีกก็ 40 บาท เพราะลุงคนขับเรือต้องมารับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียไปส่งเรือใหญ่ที่ส่งผู้ โดยสารกลับฝั่งอยู่แล้ว ฉันจึงขอลุงติดเรือไปด้วย 40 บาทแลกกลับการไม่เดินผ่านคนกลุ่มนั้น ฉันก็ถือว่าคุ้มแล้ว มันปลอดภัยกว่ากันเยอะ

 

นั่ง คุยกับลุงคนขับเรือ ได้รู้อะไรเยอะแยะ ทั้งชีวิตชาวบ้านบนเกาะแห่งนี้ นักท่องเที่ยว รายได้ ค่าใช้จ่าย และทำให้ได้รู้ว่าลุงแกไม่ได้เป็นคนท้องถิ่น แต่คู่ชีวิตแกเป็นคนที่นี่ จึงมาทำมาหากินที่นี่ ฉันเดาว่าแกตากแดดจนดำ คงไม่ได้ผิดสีนี้มาตั้งแต่เกิด อ่อ แกเป็นคนเมืองหลวงเก่า “อยุธยา” ค่ะ



ขึ้นเรือกลับเข้าฝั่ง ได้คุยกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เขาทำงานบนเรือ คอยเสริ์ฟเบียร์ให้นักท่องเที่ยว เขาบอกฉันว่า”พึ่งจะมาทำงานได้ไม่กี่เดือน ต้องนอนในเรือ ต้องทำทุกอย่าง ไม่อยากไปทำงานอย่างอื่น ที่นี่ขายตัวเยอะ” พ่อฉันเคยบอกว่าคนทำงานอยู่บนเรือเป็นคนที่มีความอดทนสูง เพราะมันลำบาก มองไปทางไหนก็ทะเล แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วยิ่งลำบาก ฉันก็เชื่อเช่นนั้นว่ามันลำบาก ก่อนลงน้องเขา(ที่จริงไม่ใช่น้องหรอกนะคะ เขาอายุจะ 21 แล้ว แต่เขาเรียกฉันว่าพี่!)ก็พยายามไปถามทางไปสถานีชนส่งมาให้ นี่แหละน้ำใจของชาวบ้าน ที่บางทีมันก็หายากจากคนกรุง

 

โชค เข้าข้างอีกครั้ง ลงจากเรือมาได้แชร์ค่าโดยสารไปกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ไปลงที่วงเวียนพอดี ค่าโดยสาร 20 บาท แล้วก็นั่งรถสองแถวอีกสายค่าโดยสารอีก 10 บาท ไปลงสถานีขนส่ง ถึงสถานีอีกไม่ถึง 10 นาทีรถจะออก นี่ก็โชคดีอีกที่มาทัน เพราะถ้าไม่ทันคงต้องนั่งรอไปอีกเกือบชัวโมง .....

ทริ ปนี้เริ่มด้วยความไม่ค่อยประทับใจ แต่แล้วก็จบด้วยความประทับใจมากๆ ครั้งนี้ไปไม่ได้เล่นน้ำ ครั้งหน้าไม่พลาดแน่ๆ ฉันจะไปเหยียบที่นั่นอีกครั้งแน่นอน
.
.
.
ระหว่างนั่งรถกลับ เพื่อนร่วมเดินทางได้รับ SMS จากเพื่อนบอกว่า “ทักษิณยุบสภาแล้ว” ตั้งแต่วันนั้น จึงเป็น Talk of the Town จนกระทั่งถึงวันนี้ และวันต่อๆ ไป .....