::ไปหาสีเขียวๆ::



เกือบครึ่งปีที่ไม่ ได้ปล่อยตัวไปไหนไกลจากเมืองหลวง ครั้งล่าสุดไปเดินต๊อกๆอยู่ที่เมืองกาญฯ เมื่อเดือนพฤษภา ซึ่งมันก็นานมากแล้ว ....
.....
วันอาทิตย์อากาศ แจ่มใส แสงอาทิตย์แยงตาปลุกฉันตื่น (รวมถึงเสียงที่บอกถึงอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนักของแม่ด้วย!!) จัดแจงจับของใส่เป้ยีนส์เตรียมตัวออกเดินทาง

ตลอดการเดินทางการ จราจรคับคั่งไปด้วยรถ อาจจะเพราะข้างทางกำลังทำถนน และเป็นวันหยุด long weekend ระหว่างทางฉันก็นั่งอ่านหนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งได้จากงานสัปดาห์หนังสือ (ทั้งๆ ที่เล่มเก่าๆ ก็ยังอ่านไม่จบ) มันไม่ใช่หนังสือออกใหม่ แต่เป็นหนังสือเล่มใหม่ของฉัน

เงยหน้าขึ้นมาอีกที คราวนี้จากที่อากาศแจ่มใสกลับกลายเป็นมืดครึ้ม เม็ดฝนร่วงหล่นปรอยๆ ทำให้บรรยากาศสองข้างทางดูเย็นลง ธรรมชาติดูมีชีวิตมากขึ้น นาข้าวสีเขียวแดนซ์ไปตามจังหวะของแรงลม มองไกลๆ เห็นภูเขาชัดขึ้น นี่ฉันไม่ได้เห็นอะไรอย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ สองตาเจอแต่ ตึก ตึก ตึก มากี่เดือนแล้วนี่!! จริงอย่างที่เค้าว่ากันนะว่า เวลาเห็นอะไรเขียวๆแล้วจะทำให้รู้สึกดีขึ้น (ถึงแม้จะเห็นอะไรเขียวๆ ทุกวันจากสนามหญ้าและต้นไม้หน้าบ้านแต่มันเขียวไม่โดนใจนี่!)

รถจอดคนหน้าเดิม เดินเข้ามาทักทาย ฉันจำไม่ได้แล้วว่ากี่ปีแล้วที่ครอบครัวฉันรู้จักกับน้าคนนี้ เค้าเป็นคนคอยดูแลที่นาที่ซื้อไว้และเช่าทำนาไปด้วย นั่งนับดีๆ คงไม่ต่ำกว่า 10 ปีเห็นจะได้ แต่รู้มั้ยฉันไม่เคยรู้แม้กระทั่งชื่อของเค้า กลับถึงบ้านฉันซักไซร้ถามผู้เป็นแม่และได้คำตอบมาว่า "แม่ก็จำไม่ได้เหมือนกัน" !!!! บางทีชื่อก็ไม่สำคัญสำหรับมิตรภาพ ชื่อก็เป็นเพียงสรรพนามเท่านั้น

ลงจากรถไปสวัสดี เรียบร้อย เดินเล่นดูวัวแล้วก็คุยกับมันอยู่ซักพัก รู้สึกว่าคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเลยแอบเดินขึ้นรถนั่งจดบันทึกเล็กๆ น้อยๆ ไว้เตือนความจำ

เม็ดฝนเทลงมาหนัก ขึ้นๆ กลิ่นขี้วัวลอยมาแตะจมูกแต่ไม่ยักจะเหม็นเท่าไหร่นัก หรือว่าการรับรู้ทางด้านกลิ่นของฉันตายด้านไปแล้ว!! ในขณะนั้น วัว 2 ตัวกำลังยืนเคี้ยวหญ้าพร้อมส่งเสียง "มอ มอ" เป็นระยะๆ เหมือนพวกมันกำลังบอกว่า "อร่อยจังเลยๆ"

ล้อรถบถลงบนถนนลูกรังเคลื่อนมายังถนนลาดยางอีกครั้ง
.....
ฉันชอบวิถีชิวิตของคนชนบท แต่ก็ยังตัดขาดความสะดวกสบายในเมืองกรุงไม่ได้ แต่ซักวันฉันอาจไม่ต้องการมันก็ได้ ใครจะไปรู้ จริงมั้ย ?!