::ก้าวเล็กๆ ที่ไม่ยิ่งใหญ่เกินตัว::




ยิ่งโต จุดมุ่งหมายในการเดินทางก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
เราไม่ได้หมายความว่าเรารักสบายมากขึ้น
เรายังคงชื่นชอบการผจญภัยในที่ๆ ทุระกันดาร
ยิ่งไปยาก ยิ่งหายาก ยิ่งได้มายาก มันยิ่งท้าทาย
เราไม่ชอบนอนโรงแรมติดดาวมากมาย
ไม่ชอบไปในที่ๆ ดูไฮโซหรูหรา
ไม่ชอบที่ต้องแต่งตัวและทำตัวให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา
เราเขิน เราอาย เราอึดอัด เราทำตัวไม่ถูก

เราคุ้นชินกับการนอนโรงแรมน้อยดาว นอนโฮสเทลถูกแต่ดี
ชอบไปในที่ๆ ไม่ต้องเก็บกริยามารยาท
อยากหัวเราะเสียงดังก็ไม่ต้องหันไปมองว่ามีใครจับตาดูอยู่รึเปล่า
ชอบแต่งตัวธรรมดามากๆ แต่มันคล่องตัวในการบุกป่าฝ่าดง
เรารู้สึกคุ้นเคย คุ้นชิน และเป็นกันเองกับสถาณการณ์แบบนี้มากกว่า

ที่เราบอกว่าเปลี่ยน
เราหมายถึงเราให้ความสนใจกับคนท้องถิ่นมากขึ้นกว่าเดิม
เรารู้สึกได้ว่าเราให้ความสำคัญกับภูเขา ทะเล แม่น้ำ น้ำตก ตึกราบ้านช่องน้อยลง
ใช่ มันสวย มันทำให้เราตื่นตาตื่นใจ เดินมาห้ากิโลฯ สิบกิโลฯ แล้วเห็นมันก็ยังรู้สึกหายเหนื่อย
แต่วิถีการใช้ชีวิตของผู้คนในถิ่นต่างๆ ที่อยู่ตรงหน้าก็สะกิดอะไรในใจเราไม่น้อย
เรายังคงชื่นชอบธรรมชาติ ยังคงขวนขวายที่จะเดินทางขึ้นเขาเพื่อไปเจอน้ำตก เทือกเขาสวยๆ
ยังคงขวนขวายที่จะเดินทางข้ามทะเลเพื่อไปเกาะน้อยใหญ่ ที่สงบเงียบ
ส่วนสิ่งที่เพิ่มมาในทุกวันนี้คือเราสามารถเดินชมความขวักไขว่ในตัวเมืองต่างๆ ได้อย่างสนุกสนาน
อาจจะเป็นเพราะเราปรับตัวและเปิดใจกว้างในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้น

เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน ก็ไม่เห็นว่ามันจะไม่ดีตรงไหน
หากสิ่งที่เปลี่ยนทำให้เราอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างสบายใจและมีความสุขมากขึ้น

มีความลับอยากจะบอก เราเขียนบันทึกนี้เพื่อกระตุ้นต่อมเดินทางให้กลับมาทำงานอีกครั้ง
มันเฉา มันเหงา มันวังเวง มันไร้ความตื่นเต้น มันไม่ใช่น่ะค่ะ ไม่ใช่!!!!

ขอให้ต่อมกระหายในการเดินทางจงสิงสถิตย์ในใจลูกอีกครั้ง สาธุ
สาวน้อยตาพระจันทร์เสี้ยว (ทำอะไร ไปไหน อย่าลืมลืมตา - เสียงไกลๆ จากเดนเวอร์)