::ประสบการณ์ Finance::



ช่วงเวลานี้เมื่อปี ที่แล้ว มันเป็นช่วงที่แย่สุดๆ สำหรับฉัน แต่ถ้าคิดในแง่ดี ในเรื่องที่แย่ๆ ก็ยังมีเรื่องดีๆ แฝงอยู่ เป็นเรื่องดีๆ เล็กๆ ที่ทำให้ตนเองได้แกร่งขึ้นมาอีกนิด ได้ก้าวผ่านช่วงเวลานั้นด้วยสองขาของตนเอง ได้ตัดสินใจ ลองผิด-ลองถูก
การเริ่มเขียน ไดอารี่ที่เรียกว่าเป็นชิ้นเป็นอันเริ่มมาจากช่วงเวลาที่ฉันไม่มีใคร ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้คิด ได้เขียน ได้ระบาย ได้ให้ข้อคิดกับตัวเอง ฉันถือว่ามันก็เป็นเรื่องดีที่แฝงอยู่ในช่วงแย่ๆ ในตอนนั้น เมื่อวันเวลาผ่านไป มองย้อนไป ณ วันนั้น ก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าปัญหาที่มันยิ่งใหญ่เสียเหลือเกินในตอนนั้น มันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมากมาย มันเป็นปัญหาพื้นฐานของมนุษย์เกือบทุกคน
......................................

ที่รู้สึกว่ามัน เป็นช่วงเวลาที่แย่มากๆ เพราะในขณะนั้นมันสับสน ว้าวุ่น วิตกกังวล มองปัญหาเป็นปัญหา และไม่คิดหาวิธีแก้  และที่สำคัญฉันมองแต่ตัวเองมากเกินไป ไม่มองคนอื่นๆ ได้แต่ปิดขังตัวเองอยู่ในกรงเล็กๆ กรงหนึ่ง
ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้ มองชีวิตทะลุปรุโปร่งแล้ว ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้ชีวิตราบเรียบไม่มีปัญหา ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้ไม่วิตกกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่เพียงใช่ที่รู้จักคิดมากขึ้น เพียงใช้ที่มองปัญหาเป็นปัญหาน้อยลง เพียงใช่ที่วิตกกังวลน้อยลง(มาก) แต่ยังไงก็ตามชีวิตคนเราจะไม่ให้มีปัญหา ไม่ให้มีเรื่องกลุ้มใจ เรื่องทุกข์ใจเลยก็ไม่ได้ จริงมั้ย?
ทุกคนมีปัญหาของตัว เอง บางคนสนุกร่าเริงดูมีความสุขกับชีวิต แต่แท้จริงแล้วหลังภาพเหล่านั้น คราบน้ำตาอาจเปลื้อนใบหน้ายามไม่มีใคร บางคนภายนอกดูแข่งแกร่ง กล้าหาญ แต่แท้ที่จริงเล่าเค้าเป็นเพียงคนอ่อนไหว อ่อนแอ
...................................... 

ฉันเชื่อว่า มีใครหลายคนในที่นี้อยากหวนกลับไปเป็นเด็กน้อย (รวมถึงฉันด้วย) แต่แท้ที่จริงแล้วใช่ว่าเด็กไม่มีความทุกข์ ลองนึกย้อนกลับไปสิ ใช่! เรามีความสุขมากกว่าเมื่อเราเติบโตขึ้นมา แต่ในช่วงเวลาที่เราเป็นเด็กจริงๆ เรื่องทุกข์ๆ แย่ๆ ก็มีไม่น้อย และเรื่องเหล่านั้นก็ทำให้เด็กวัยนั้นรู้สึกไม่ดีจริงๆ มันเลยมีความคิดว่า เด็กๆ อยากโตเป็นผู้ใหญ่เร็วๆ
ในแต่ละช่วงเวลา ความคิดของคนเราก็ต่างกันออกไป เราเก็บเกี่ยวเวลาในชีวิตมามากเท่าไหร่ ความยากของการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าก็มากขึ้นเท่านั้น ขอเพียงอย่าท้อ เราก็จะผ่านทุกเส้นกีดขวางนั้นไปได้
......................................

วันนี้ฉันล้มลงอีก ครั้ง ถามว่ารู้สึกเจ็บมั้ย? มันก็ต้องเจ็บเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันไม่ได้เจ็บขนาดทำให้ท้อ ทนไม่ได้ เพียงเจ็บแปล๊บๆ เจ็บใจตัวเองที่ไม่พยายามทำให้ได้ เวลามีมากมาย แต่ใช้ไม่เป็น ไม่ใช้ให้คุ้มค่า มันทำให้ฉันคิดว่าการที่มีโอกาสมากไปก็ใช่เป็นเรื่องที่ดี มันทำให้ตัวฉันไม่พยายามอย่างถึงที่สุด
เมื่อวันเวลาได้ ผ่านไป แล้วฉันได้กลับมาทบทวนการหกล้มครั้งนี้อีกครั้ง ฉันอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่อะไรใหญ่โตเสียเลยก็ได้ แต่สำหรับตอนนี้ สำหรับวันนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกแย่จริงๆ ฉันเตรียมตัวมา แต่เตรียมมาไม่ดีพอ ฉันพยายามที่จะทำ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้พยายามอย่างถึงที่สุด
บางคนอาจคิดว่าการ ที่ทำข้อสอบวิชาหนึ่งไม่ได้เลย ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ใช่! ฉันก็คิดอย่างนั้น แต่เมื่อเป็นวิชาที่ตั้งใจ ที่พยายาม ที่ไม่อยากเจอมันอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้เนี่ย มันก็ทรมานเหมือนกันนะ
ปล. ก็แค่ทำไม่ได้เลย จะคิดอะไรมากเนี่ย !!!
ปล. ถือว่าเป็นประสบการณ์ในครั้งต่อไปละกัน "อย่าคิดว่ามีโอกาสรอเราอยู่ เราจะได้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด"
ปล. เวลาโดนใครสะกิดเรื่องเพื่อนทีไหร่ มันไม่มีจิตใจจะทำอะไรเลยจริงๆ -"-

::Shinhwa Asia Tour Live In Bangkok 2006::




ช่วงนี้อยู่ในช่วง สอบ mid-term วันนี้เป็นวันแรก และแล้ว stat มันก็ได้ผ่านไปแล้ว รู้สึกโล่งจริงๆ แต่ยังไม่หมดเลยเสียทีเดียว ยังมี finance รอฉันอยู่วันศุกร์ โอ้ ... ไม่นะ T.T
ตอนเด็กๆ ชอบช่วงสอบนะเพราะมันไม่มีการบ้านให้มานั่งทำ นั่งคิด แค่อ่านๆ ทบทวนเรื่องที่เรียนๆ มาเท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่ชอบเลยจริงๆ เป็นช่วงที่รู้สึกกดดัน จะดรอปไม่ดรอปมันก็อยู่ตอน mid-term นี่แหละ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเทอมนี้จะไม่ต้องดรอปอะไรแล้ว ตอนนี้รู้แล้วว่าการรักสบายตอนต้นมีผลอย่างไรกับชีวิต
.
.
.
เมื่อวันที่ 15 ไปซื้อตั๋วคอนเสริ์ต shinhwa มา คอนเสริ์ตจะมีวันที่ 19/08 แต่ตอนนี้ยังไม่ค่อยเห็นโปรโมตเท่าไหร่เลย แต่ส่วนใหญ่บัตรราคาแพงๆ ก็เกือบจะหมดเต็มที่แล้ว เห็นมีเป็น package สำหรับชาวต่างชาติด้วย เป็นตั๋วเครื่องบิน+บัตรคอนเสริ์ต+ที่พัก ราคาก็อยู่ระหว่าง 14000-20000 บาท
ไม่เข้าใจว่า shinhwa กับ ประเทศไทยมันเป็นอะไรกันก็ไม่รู้ โปรโมตเท่าไหร่ไม่เคยขึ้น ไม่เคยดังกับเค้า มีโฆษณาโค้กที่อื่นเค้าฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่เมืองไทยมันมาแว๊บเดียวแล้วก็หายไป เฮ้อ ...



อันที่จริงแล้วมันก็ ไม่ใช่ไม่มีสาเหตุหรอกนะ ที่เห็นได้ชัดเลยคือ เรื่องของอายุ วงนี้สมาชิกแต่ละคนก็เลยวัยเบญจเพสมากันหมดแล้ว มีจะแตะเลข 3 ก็หลายคน นอกจากนี้ยังเรื่องหน้าตาอีก คือพวกเค้าไม่ได้หล่อขนาดเห็นแล้วอึ้ง แต่ต้องดูนานๆ บุคลิกแต่ละคนมีความโดดเด่น แต่สื่อในบ้านเรามันน้อย สำหรับเรื่องเพลง ยอมรับว่าเพลง shinhwa ไม่ได้ออกแนวตลาดจ๋า คือมันผสมๆ กันอยู่ เพราะสมาชิกแต่ละคนบุคลิกและความชอบค่อนข้างต่างกันพอสมควร สุดท้ายที่ฉันเห็นคือ ตลาดเพลงเกาหลีเพิ่งมาบูมในบ้านเราช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่มันเป็นช่วงขาลงแล้วของวงนี้ เหมือนมีบุญแต่กรรมบังจริงจริ๊ง!!
แต่ถึงจะดังไม่ดัง วันที่ 19 เดือนหน้าก็จะมีคอนเสริ์ตแล้ว ข่าววงในแว่วว่าอัลบั้มนี้น่าจะเป็นอัลบั้มสุดท้ายแล้ว ใครคิดจะตักตวงความสุขจากวงนี้ก็รีบๆ เข้า แต่เชื่อได้ว่าในอนาคต shinhwa จะเป็นตำนานอีกวง เช่นเดียวรุ่นพี่ใน sm town อย่าง H.O.T อย่างแน่นอน
.
.
.
ไดฯ หน้านี้อาจแตกต่างจากไดฯ หน้าอื่นๆ แต่อยากเขียนเก็บเอาไว้ ในวันข้างหน้าถ้ากลับมาอ่าน อยากรู้ว่ายังจะคงชอบวงนี้อยู่รึเปล่าเมื่อกาลเวลามันผ่านไป
ปล. ช่วงนี้คงไม่ได้ไปเยี่ยมไดใครบ่อยนัก ไว้หลังสอบตั้งใจจะกลับคืนสู่สภาพเดิม :)
..........
*หมายเหตุ : อยากอัพได แต่ไม่มีอะไรให้เขียน อยากเขียนอะไรที่มีสาระ แต่ .... ออกมาหาสาระไม่ได้ -"-



::Grandmom & NiceSis::



 
ไดอารี่วันนี้ขอมอบแด่หญิงสองคนผู้เป็นที่รักของฉัน ...
ก่อนอื่นอยากบอกว่า ตั้งใจจะมาอัพตั้งแต่วันที่ 15 ที่ผ่านมาแล้ว แต่เนื่องจากเว็บล่ม และรอจนหมดอารมณ์อัพ (ขนาดแค่คลิกขวาCopy แล้วเอามาPasteยังไม่มีอารมณ์ทำเลย!)
.
.
.
เมื่อวันที่ 15 ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 10 ปีที่คุณยายได้จากฉันไป เวลามันผ่านไปเร็วเนอะ ผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย ช่วงเวลาที่ท่านจากไปนานกว่าที่ท่านได้อยู่กับฉันเสียแล้ว
 
ตอนเด็กๆ คุณยายเลี้ยงฉันมาตลอด เพราะพ่อกับแม่มักจะกลับถึงบ้านดึก บางวันก็นอนกับยาย อยู่กับยาย และพูดได้เต็มปากว่าสนิทกับคุณยายมากกว่าแม่ ในความทรงจำวัยเด็กจำได้ว่า คุณยายเป็นคนเรียบร้อย พูดน้อย แต่ท่านเป็นคนมีอำนาจ เป็นที่เกรงใจของใครหลายๆ คน ช่วงตอนที่ท่านยังอยู่อะไรอย่างๆ อย่างภายในบ้านดูร่มรื่น มีความสุข อาจจะมีบ้างที่ขรุขระแต่ก็ไม่มากเท่าทุกวันนี้ พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกัน อาจจะเป็นเพราะว่าท่านเป็นร่มโพธิ์ร่มเงาของสมาชิกภายในครอบครัวทุกคน
 
ฉันเชื่อนะ ถ้าท่านยังอยู่ ฉันก็อาจจะไม่ได้เติบโตมาเป็นตนอย่างนี้ อย่างน้อยๆ นิสัยส่วนตัว กริยาท่าทาง ความคิดความอ่าน ก็คงจะดีกว่านี้หลายเท่า ตอนที่ท่านจากไปฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้ซักพัก ช่วงที่ฉันกำลังก้าวสู่ช่วงวัยรุ่น ฉันยอมรับว่าบางครั้งฉันรู้สึกเสียสูญ รู้สึกไม่มีที่พึ่ง ไม่มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
.
.
.
สองสามวันที่แล้วไปค้น รูปตอนเด็กที่ถ่ายคู่กับคุณยาย ค้นไปค้นมาไปเจอรูปที่ถ่ายคู่กับพี่สาวคนหนึ่งเข้า เห็นแล้วก็ทำให้ฉันอมยิ้มขึ้นมา
 
นึกๆ ดูแล้วตั้งแต่เล็กจนโต เราทั้งคู่เหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ มีเค้าที่ไหนก็มักจะมีอาหมวยคนนี้อยู่ด้วยเสมอ เราอายุห่างกันเพียง 8 เดือน อาจจะด้วยสาเหตุนี้ที่ทำให้เราทั้งคู่สนิทกันมากกว่าลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ ไม่ใช่เราไม่เคยทะเลาะกันเลย มันก็ต้องมีบ้างตามประสาเด็กๆ จนถึงตอนนี้อาจจะไม่ได้ทะเลาะกันแล้ว แต่ก็มีบ้างที่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่เรามักจะพูดกันให้เคลียร์มากกว่า
  
ทุกวันนี้เค้าไม่ใช่ เพียงพี่สาวคนหนึ่ง แต่เค้าเป็นเหมือนเพื่อนที่ฉันสามารถระบายเรื่องทุกเรื่องได้ เป็นเหมือนต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีกิ่งก้านให้ร่มเงาน้องคนนี้ บางทีฉันเองยังไม่เชื่อเลยว่าวันเวลาที่ผ่านมา จะทำให้เราทั้งคู่สนิทกันได้ขนาดนี้ การที่เราเติบโตมาด้วยกันคงจะเป็นปัจจัยที่สำคัญปัจจัยหนึ่ง

::วันศุกร์ที่สุขแบบสบายๆ::



เช้า นี้ตั้งใจจะไปวังหลัง ไปนั่งทอดอารมณ์ดูสายน้ำหลักของชาวกรุง ไปที่นั่นทีไหร่ กลับมาอิ่มเอมใจเกือบทุกครั้ง ไม่ใช่เพียงฉันคนเดียวนะที่คิดเช่นนี้ หลายคนรอบตัวฉันก็เป็นเหมือนกัน
แต่แล้วก็ไม่ได้ไป มันมาจากสองสาเหตุใหญ่ๆ ...
สาเหตุแรก อาการปวดท้องมาเตือนว่าอาการทรมานประจำเดือนจะมาแล้วนะ มันปวดท้องนิดๆ แล้วท้องมันก็ป่อง (ไม่ได้เบนโลนะ :p) พอป่องมันก็ใส่กางเกงไม่ได้ กางเกงมันปริอย่างรุนแรง ไอ้กางเกงตัวอื่นๆ ก็ลงไปอยู่ในตะกร้าผ้าเรียบร้อย แล้วทีนี้จะใส่อะไรไปล่ะ? สรุปคือไม่มีอะไรให้ใส่ไป!

สาเหตุ สอง ความอึดอัดมันบังเกิดขึ้นเมื่อชายของเพื่อนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ฉันไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรมากมายหรอกนะ แต่คิดว่ามันคงไม่สนุกแล้ววันนี้ อยากจะพูด อยากจะคุยอะไรกับเพื่อน เรื่องบางเรื่องมันก็ระบายออกไปไม่ได้ ออกไปไม่เต็มที่ เดี๋ยวจะพาลเอาความอึดอัดกลับบ้านมาอีก ดังนั้น อยู่ที่บ้าน อยู่กับตัวเอง แต่ไม่อึดอัดคงดีกว่า

.

.

.

ตอนบ่ายๆ ออกไปข้างนอก ไปหาเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ไปเดินเล่น คุยนู้นคุยนี่ เลยเถิดไปถึงเรื่องสมัยเด็กๆ เหมือนคนแก่นั่งคุยกัน คิดๆ ไปมันก็ขำดีนะ :) หลายๆ เรื่องที่ความคิดพวกเราเปลี่ยนไป การเป็นเด็กก็ดีไม่ต้องรับผิดชอบ แต่เด็กทุกคนก็ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ทุกคนหนีสิ่งนี้ไม่ได้ ตอนเด็กๆ ก็แปลกอย่างโตเป็นผู้ใหญ่ พอโตขึ้นก็อยากกลับไปไร้เดียงสาเหมือนตอนเด็กๆ อีก

พูดถึงเพื่อนคนนี้ ตอนเด็กๆ มันสูงเท่าไหน ตอนนี้ก็ยังเท่าเดิม (อย่าว่าแต่มัน ฉันเองก็ด้วยนี่หน่า !!) มันก็ยังเป็นป้าๆ อยู่ แต่ใช่ว่าทุกอย่างมันยังเหมือนเดิม หลายอย่างเหมือนกันที่มันเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดีบ้างไม่ดีบ้าง ฉันรับมันได้บ้างไม่ได้บ้าง รำคาญมันมากขึ้นบ้างเป็นบางครั้ง ถึงการกระทำที่ฉันแสดงออกไปอาจจะเย็นชา แต่ใช่ว่าฉันรักหรือห่วงมันน้อยลง มันเคยพูดไว้ว่า “กุไม่ไปไหนหรอก กุก็คอยดูมรึงอยู่ข้างหลังอย่างนี้แหละ” คำพูดนี้มันมีความหมาย .... มันมีความหมายจริงๆ

.

.

.

Pirates of the Caribbean เข้าโรงแล้ว อยากไปดูหนังเรื่องนี้เหลือเกิน เพราะติดใจจากภาคแรก อันที่จริงฉันเป็นคนเข้าโรงหนังไม่บ่อย แต่เก็บตกจากดีวีดี วีซีดีแทน ไม่ใช่ไม่ชอบเข้าโรงหนัง แต่บางทีเวลาและความรู้สึกมันไม่พอดี บางเรื่องออกโรงไปแล้ว แต่เพิ่งมีความรู้สึกว่าอยากดู แปลกๆ เนอะ ?!?





ป.ล. ตอนนั่งรถไปหาเพื่อน ได้ยินเพลง “ใช่เลย” ภาพของใครคนหนึ่งก็ลอยมาเป็นครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปราว 8 ปีได้แล้ว นึกๆ แล้วก็ขำดีแฮะ

ป.ล. นั่งๆ คิดอะไรอยู่ แล้วได้ยิน หรือได้เห็นอะไรซักอย่างแล้วทำให้ยิ้มออกมา แปลว่า มีความสุขใช่มั้ย? ถ้าใช่ วันนี้คงเป็นวันศุกร์ที่ฉันสุขแบบสบายๆ ล่ะสิ ^^  

::ต้นเดือน::



ช่วงนี้ที่ เห็นว่าไม่ได้มาเขียนไดอารี่เลย ไม่ใช่ว่ามีปัญหาอะไร แต่เพียงว่าอะไรหลายๆ อย่างมันลงตัวผิดปกติ อาจจะมีเล็กๆ น้อยๆ ที่รู้สึกแย่ แต่รวมๆ ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างดี และมีความสุข
ไม่รู้ว่าใครเป็นเหมือน ฉันบ้าง เวลามีความสุข มักจะเขียนอะไรออกมาลำบาก ใจอยากเขียน อยากจะเขียนความรู้สึกดีๆ เอาไว้ แต่มันเขียนไม่ออกจริงๆ ตรงข้ามกันเหลือเกินกับช่วงที่ชีวิตแย่ๆ ช่วงนั้นมองอะไร เจออะไรก็เอามาเขียนเป็นตุเป็นตะ ระบายได้อย่างใจคิด สมองสั่งมือเขียนได้อย่างชำนาญ ดังนั้นช่วงไหนที่ฉันหายไปนานๆ มันมาจากสองสาเหตุคือ มีความสุขมากๆ กับยุ่งมากๆ ... :)
.
.
.

ฤดูฝน อาจเป็นฤดูในฝันสำหรับใครบางคน แต่สำหรับฉันมันช่างเป็นฤดูที่ทำร้ายจิตใจจริงๆ อยากจะไปเที่ยว เก็บกระเป๋า ตั้งท่าจะก้าวออก อ้าว! ฝนจ๋า ทำไมตกมาอย่างนี้ จากที่ตั้งท่าเลยต้องเก็บท่า เก็บกระเป๋า เข้าที่เดิม แต่ฉันชอบมองเม็ดฝนที่ตกร่วงหล่นนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าฉันกำลังนั่งเล่นอยู่ในบ้าน มองออกนอกหน้าต่างที่อยู่หลังคอมพิวเตอร์ มันช่างเป็นภาพที่ดีจริงๆ



 

.

.
.
เมื่อคืนนั่งดูบอลคู่ เยอรมัน - อาร์เจนติน่า ดูมาตลอดเกมแต่มาเผลอหลับตอนเตะจุดโทษ แหม! มันน่าจริงๆเลย อุตส่าห์ดูมาตลอด มาพลาดตอนสำคัญ ตื่นมาอีกทีก็จบแล้ว ผลออกเป็นยังไงคงรู้กันแล้ว เยอรมันเข้ารอบแบบมีกรรมการช่วยนิดนึง จะว่าน่าเกลียดมั้ย ก็ไม่หรอกนะ ไม่ได้น่าเกลียดมากขนาดจะรับไม่ได้ แต่ก็มีหลายลูกอยู่เหมือนกัน
ตอนเช้าลงมาเจอพ่อ พ่อถามว่าเมื่อคืนดูรึเปล่า (ฉันกับพ่อชอบดูบอลค่ะ) ฉันก็บอกว่าดูแต่ไม่ได้ดูจุดโทษ พ่อก็บอกว่าเหมือนกัน ไม่กล้าดูกลัวหัวใจวาย เห็นเค้ามีข่าวออกมาบ่อยๆ แล้วพ่อยิ่งเป็นโรคเบาหวานด้วย พ่อบอกยิ่งอย่าดู ยังไม่อยากตาย !!!
ปล. เห็นพี่สาวกาแฟดำเค้าไปฮานอย เลยเกิดอาการอิจฉานิดๆ ถึง มากๆ แบบว่าอยากจะไปกับเค้าบ้าง ... T_T