::เพียงอารมณ์พาไป::



 






ชีวิตคนเราก็เหมือนกับ สายน้ำ ไหลแล้วก็ไม่มีวันย้อนกลับ เฉกเช่นเดียวกับวันเวลา ที่ค่อยๆ เดินทางผ่านวินาที นาที และชั่วโมง ผ่านไปแล้ว 86,400 วินาที 1,440 นาที หรือ 24 ชั่วโมง ก็หมดวัน แสงตะวันหยุดทำงาน แสงจันทร์ผลัดเวรมาทำหน้าที่แทน เป็นวัฐจักรที่อยู่กับมวลมนุษย์มาเป็นเวลาช้านาน
ฉันนั่งมองแม่น้ำ เจ้าพระยา มองคลื่นที่มาจากเรือกระทบฝั่ง ครั้งแล้วครั้งเล่า โป๊ะรองรับผู้โดยสารโยกย้ายไปตามกระแสคลื่น ผู้คนมากมาย กำลังเดินทางข้ามฝั่งแม่น้ำสายหลักของกรุงเทพฯ มองเลยไปถึงสะพานปิ่นเกล้า มีรถคันแล้วคันเล่าค่อยๆ แล่นผ่านไปมา มันทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันอยู่ในความวุ่นวายของสังคมเมือง แต่ในความวุ่นวายนี้ ก็มีมุมๆ หนึ่งที่ฉันรู้สึกสงบเหลือเกินเมื่อได้ไปอยู่


หลายวันนี้ ฉันรู้สึกว่าฉันใช้ชีวิตไร้สาระเสียจริง ตื่น ไปเรียน กลับบ้าน อาบน้ำ นอน ทำกิจกรรมอยู่แค่นี้ ฉันอยากให้มันมีอะไรมากกว่านี้ อยากให้ไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องนู้น เรื่องนี้ คิดมาก เครียด เบื่อ แล้วก็เซ็ง ฉันไม่อยากอยู่ในวัฐจักรเช่นนี้เลย ให้ตายเถอะ! 


เขาว่ากันว่า หลังวันฝนตกจะเจอกับวันฟ้าใสซึ่งรอเราอยู่ มันจริงหรือ? ทำไม ฝนมันหยุดตกนานแล้ว แต่ฟ้ามันก็ยังไม่ใสเสยที เมฆ หมอก สีครามยังลอยอยู่บนฟากฟ้ามันอึกครึมเสียเหลือเกิน จนทำท่าว่าฝนจะตกมากอีกครั้ง ฉันคิดถึงวันเก่าก่อนที่ฟ้าใส สวยงาม วันที่ฉันมีความสุขกับการใช้ชีวิต วันที่มองอะไรก็ดูดีไปเสียหมด วันที่ฉันมีจุดหมายชัดเจนในการดำเนินชีวิต วันที่มีผู้คนข้างกายที่รับรู้และเข้าใจในความเป็นตัวของฉัน จะอีกนานสักเพียไหนกันนะ ที่วันฟ้าใสจะกลับมาเยือนอีกครั้ง ... 


::ยิ้ม::




ตอนนี้เรื่องราวภายในประเทศไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ว่าแล้ว เขียนอะไรที่ทำให้รู้สึกดีดีกว่า .....



ยิ้ม ยิ้ม
ช่วงนี้ยิ้มบ่อยขึ้นค่ะ เห็นอะไรนิด อะไรหน่อยก็ยิ้ม เหมือนไม่ค่อยเต็ม แต่ฉันรู้สึกอยากยิ้มจริงๆ นะคะ
เมื่อก่อน ฉันเป็นคนไม่ค่อยยิ้ม หน้าบึ้ง ถ้าใครไม่รู้จักฉันก็จะไม่อยากเข้าใกล้ กลัวฉันแยกเขี้ยวใส่ (ทั้งๆ ที่ไม่มีเขี้ยวเสียหน่อย!) เพื่อนๆ เค้าบอกว่าฉันหน้าหยิ่ง หน้าหยิ่งอย่างเดียวนะคะ ที่บอกว่าหยิ่งอาจจะเพราะว่าหน้าไม่ยิ้ม แต่ใจน่ะเป็นกันเอ๊ง กันเอง :)
ตั้งแต่ย้ายที่เรียน หลายคนบอกว่าฉันยิ้มเก่งขึ้น ใช่แล้วค่ะ ฉันพยายามยิ้มให้มากขึ้น เพราะหน้าอันบึ้งตึงอาจจะเป็นสิ่งกีดขวางอันโตของฉันได้ ฉันจึงพยายามที่จะยิ้ม ยิ้มเข้าไว้ แต่บอกตามตรง ใจน่ะ หดหู่เสียเหลือเกิน


นั่นคือเหตุการณ์ในช่วง แรกๆ แต่ตอนนี้ฉันก็ยังเป็นคนยิ้มเก่งอยู่ค่ะ แต่ผิดกันตรงที่ว่า เมื่อก่อนยิ้มออกมาจากสมอง แต่ตอนนี้มันออกมาจากจิตใจ ยิ้มอย่างจริงใจจริงๆ 


ฉันรู้สึกปลดปล่อยมาก เมื่อได้ยิ้ม บางทีมันรู้สึกอึดอัดกับบางเรื่อง แต่พอมาเจออะไรซักอย่างที่ทำให้ยิ้มได้ มันช่างมีความสุขจริงๆ นะคะ ทำให้ฉันคิดได้ว่า เจอเรื่องร้ายมาตลอดทั้งวัน แต่ได้ยิ้มซักครั้ง ก็มีความสุขแล้ว คือวันทั้งวัน ไม่ใช่จะเจอแต่เรื่องทุกข์ อย่างน้อยก็ยังมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้เก็บเกี่ยว ตุนไว้เป็นแรงผลักดันของวันข้างหน้าได้ ... จริงมั้ยคะ ?