:::ยี่สิบนาฬิกา สามสิบเก้านาที:::


4 ปีมาแล้วสินะที่ได้อวยพรวันเกิดเค้าคนนี้ และก็ 5 ปีแล้วสินะที่ไม่ได้เจอหน้าเค้าเลย มันนาน นาน นานมากๆ ....
วันนี้วันวันเกิดครบรอบ 22 ปีของเค้า ฉันพึ่งจะโทรไปหาเมื่อกี้นี่เอง
20.39 น.
ฉัน : ฮัลโหล นี่แจนะ
เค้า : ว่าไงจ๊ะ
ฉัน : Happy Birthday นะ
เค้า : ขอบคุณครับ
ฉัน : โทรมาแค่เนี้ยแหละ ไม่มีอะไร
เค้า : อ๊ะ แล้วเป็นไงบ้างเนี่ย
ฉัน : ก็เรื่อยๆอะ
เค้า : แล้วนี่อยู่ไหน
ฉัน : อยู่บ้านแหละ แล้วพี่...ล่ะ
เค้า : ขับรถอยู่
ฉัน : อ๋อ อื้มไว้ว่างๆจะโทรไปคุยใหม่ละกันนะ แค่นี้นะ
เค้า : อื้ม หวัดดีครับ
ฉัน : หวัดดีค่ะ
ถึงแม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาที่สั้นมากในการสนทนา ครั้งนี้ แต่รู้มั้ยฉันรู้สึกดีใจมากๆ กับคำว่า "ว่าไงจ๊ะ" เพราะอะไร ฉันขอเก็บไว้ในใจ
บางทีฉันนึกว่าฉันกำลังฝันอยู่ เพราะหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเค้ามันไม่น่าจะเกิดขึ้น
ครั้งแรกที่ได้รู้จักชื่อเค้า มันก็เปิดเรื่องบังเอิญ "เพื่อน เค้าตะโกนเรียกชื่อเค้าบนรถเมล์คันเล็กภายในซอยโรงเรียน ซึ่งฉันก็นั่งอยู่บนรถเมล์คันนั้น" (ปกติไม่มีใครเรียกชื่อเล่นเค้า จะเรียกฉายาเค้ามากกว่า และมีน้อยคนมากที่คิดว่าฉายาคือชื่อเค้า)


ครั้งแรกที่รู้วันเกิดเค้า มันก็เป็นเรื่องบังเอิญ "เพื่อนฉันอยู่ชุมนุมกองทะเบียนนักเรียนตอน ม. 1 และนี่เป็นที่มาของวันเกิดเค้า"


ครั้งแรกที่ได้เบอร์โทรศัพท์เค้า มันก็เป็นเรื่องบังเอิญ "ฉันเก็บสมุดโทรศัพท์ที่ตกอยู่ใกล้ๆสนามบาสได้ตอนม.2 และในนั้นก็มีเบอร์บ้านเค้า"


ครั้งแรกที่เราได้คุยกันนานที่สุดนอกจากการคุยผ่านโทรศัพท์ มันก็เป็นเรื่องบังเอิญ "เมื่อฉันกำลังเดินกลับห้องเรียน และเค้ากำลังลงบรรไดลงมาพอดี เลยจ๊ะเอ๋กัน"


หลังจากเค้าจบออกไปจากโรงเรียน ฉันก็ไม่ได้ติดต่อเค้าบ่อยนัก จนเค้าเปลี่ยนเบอร์ไปฉันก็ยังไม่รู้
แต่มันก็บังเอิญอีก "เมื่อฉันได้เบอร์เค้ามาจากเพื่อนคนหนึ่งที่ก็ชอบเค้าเหมือนกัน"


หลังจากนั้นเค้าได้เปลี่ยนเบอร์อีกครั้ง 


มันก็บังเอิญอีก ครั้ง "เพื่อนของฉันเรียนอยู่มหาลัยเดียวกับเค้า และในขณะที่ฉันกับเพื่อนกำลังคุยโทรศัพท์กันอยู่ เพื่อนฉันเห็นเค้าเดินผ่านพอดีจึงเรียกไว้และให้คุยโทรศัพท์กับฉัน เค้าจึงให้เบอร์ใหม่เค้ามา"


และก็บังเอิญ "ที่ฉันและเค้าเกิดเดือนเดียวกัน"
ฉันไม่มีอะไรที่เป็นที่ระลึก แม้แต่ไม่มีรูปซักใบก็ยังไม่มี มีแต่ความทรงจำที่ยังวนเวียนอยู่ในหัว 


ฉันไม่ได้คิดถึงเค้าทุกเวลา ไม่ได้หวังในสิ่งที่ไม่สามารถจะเกิดขึ้น อาจจะเคยคิด อาจจะเคยหวัง แต่นั่นมันเมื่อหลายปีมาแล้ว ตอนนี้ฉันหวังเพียงอย่างเดียวคือ ... อยากจะเจอเค้าอีกซักครั้ง 


ฉันไม่ได้อยากให้ระยะห่างของฉันกับเค้าใกล้ไป มากกว่านี้ และฉันก็ขอให้ระยะห่างของฉันกับเค้าไม่ไกลไปมากกว่านี้ เพราะที่ตรงนี้ ณ ตอนนี้ ฉันรู้สึกว่ามันเป็นที่ที่ลงตัวสำหรับฉันแล้ว มันดีแล้ว


ณ วันนี้ เค้าคือพี่ชายที่ฉันรัก เคารพ และเป็นห่วง ฉันไม่รู้ว่าจะอีกกี่ปีที่ฉันจะยังรู้สึกอย่างนี้ รู้สึกตื่นเต้นทุกทีก่อนโทรหา รู้สีกมีความสุขทุกครั้งระหว่างคุยกัน และหุบยิ้มไม่ได้หลังจากวางสาย

หยั่งรากลึกลงในดิน หยั่งลึกลงในใจ มีความหมายที่มากมาย...ตลอดมา

::สถานีใจ::



ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของทุกๆ คนนะคะ วันเกิดในทุกๆ ปีผ่านไปอย่างเรียบง่าย เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันนี้เสียเท่าไหร่ ในความรู้สึกของฉัน มันเป็นวันหนึ่งที่แม่ผู้มีพระคุณเจ็บปวดมากๆ กว่าจะคลอดฉันออกมา มันน่าจะเป็นวันสำหรับแม่มากกว่าน่ะ
.
.
.
เคยคิดกันมั้ยคะว่า อะไรนะถึงทำให้เราตัดสินใจว่าคนนี้น่าจะเป็นคนดี คนไม่ดีในแว๊บแรกที่ได้พบเจอ สำหรับฉัน ฉันมองจากกายภายนอกก่อนค่ะ หน้าตา บุคลิกท่าทางว่าดูสุภาพ น่าไว้ใจมั้ย ถ้าเป็นผู้หญิงฉันก็จะมีความคิดในแง่บวกมากกว่าผู้ชาย 


แต่ในความจริงแล้ว น้อยครั้งนะที่ฉันคิดว่าฉันดูคนถูกจริงๆ ใช่ว่าผู้หญิงจะน่าไว้ใจกว่าผู้ชายเสมอไป แต่ก็อีกแหละ ผู้ชายแปลกหน้าก็อันตรายสำหรับผู้หญิงอย่างฉันเหมือนกัน


สายตา จากชายคนขับซึ่งดูไม่น่าไว้วางใจเลย กับกริยาท่าทางที่สุภาพจากคุณป้าผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่ง ถ้าเป็นคุณ คุณว่าใครน่าจะปลอดภัยมากกว่ากันคะ ??


ฉัน ... ฉันเลือกที่จะเชื่อในคำพูดของคุณป้ามากกว่า


แต่ .. ในที่สุด ชายคนนั้นก็ใช่ว่าไม่ดีล่ะค่ะ เค้าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะฉันว่า


วันนี้ฉันหลงทางในมุมเมืองที่ฉันไม่คุ้นเคย ป้าคนหนึ่งพยายามช่วยฉันให้ไปทันรถไฟ ป้าบอกให้ลงพร้อมป้าแล้วขึ้นรถเครื่องไปดักรอรถไฟ ป้าบอก "ทันแน่" เพราะถ้าจะนั่งรถไปถึงสถานีต้นสาย มันไม่ทันแน่ๆ
ฉัน เกือบก้าวลงอยู่แล้ว ชายคนขับทักว่าจะไปไหน รู้จักเค้าหรอจะไปกับเค้าน่ะ ฉันนึกในใจนะว่า "ฉันก็ไม่รู้จักคุณเหมือนกัน ทำไมฉันต้องหยุดด้วยเนี่ย" แต่แล้วก็มีคำพูดเตือนสติหลากหลายอย่างจากชายหนุ่มวันเบญจเพศออกมาอย่าง พรั่งพรู ฉันอึ้งนิดนึงกับคำพูดเหล่านั้น อึ้งและฉันก็คิดได้ และสรุปได้ว่า ที่พี่คนขับคอยมองมาบ่อยๆ เพราะว่าเป็นห่วงเห็นเป็นคนต่างถิ่น แต่แหม .. สายตาที่มองมามันแบบ ... ไม่น่าไว้วางใจเล้ยยยย !!


แต่ ฉันก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าป้าเค้าจะพาฉันไปทำมิดีมิร้าย ฉันยังเชื่อในความโอบอ้อมอารีที่ท่านยื่นให้ และฉันรู้สึกไม่ดีเลย เมื่อรถขับเคลือนไปในขณะที่ป้ากำลังมองตามรถ .... ป้าท่านคงงง และอาจจะน้อยใจนิดๆ ก็ได้
.
.
.
ประสบการณ์ สอนฉันมากมาย ที่จริงการเดินทางทุกครั้งก็สอนฉันเสมอ ฉันยังไม่เคยเดินทางไปไหนโดยราบรื่นเลยซักครั้ง มันต้องมีสะดุดบ้าง ล้มบ้างอย่างนี้ตลอด แต่ฉันก็รู้สึกชอบนะ บางครั้งการที่เราได้อะไรมาง่ายๆ มันไม่สนุกน่ะ เป็นอย่างนี้เหมือนการทดสอบตัวฉันไปเรื่อยๆ สนุกดี มันได้อะไรเยอะกว่าน่ะ ...



ปล. สรุปว่าจะไปสถานีไหนก็ไปไม่ทันอยู่ดี มีเพียงสถานีเดียวที่ไปเมื่อไหร่ก็ทัน ... ก็ "สถานีใจ" ไงคะ :)

::Happy Birthday ... 19 ฝน::



18 ฝนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ฝนที่19 เดินทางมาถึงแล้ว

ขอให้ฝนครั้งนี้เป็นฝนที่ชุ่มช่ำทั้งกาย และใจนะ .....

 

Happy Birthday to ... ME

::ฉันไม่อยากให้แกเป็นห่วง::



เรื่องราวและความรู้สึก ระหว่างเพื่อนที่มีต่อเพื่อนมันลึกเนอะ เป็นความรู้สึกที่ยากจะเข้าถึง จิตใจเค้าและเรา คนนึงคิดอย่าง อีกคนคิดอย่าง คนรอบข้าง(อย่างฉัน) ก็คิดอีกอย่าง โว๊ย...สับสน!!
.
.
.
"ฉันไม่อยากให้แกเป็นห่วง" เหมือน จะเป็นคำพูดที่ดูดีนะ แต่สำหรับเธอคนนั้น อาจจะเป็นคำพูดที่บาดลึกมากๆ เลยก็ได้ เป็นเพื่อนกันทำไมถึงไม่บอกกันล่ะ ทำไมถึงต้องเก็บเงียบ คิดแต่ว่ากลัวเพื่อนอีกคนจะคิดมาก หรือแม้แต่ยังไม่กล้าบอกเพราะยังไม่ถึงเวลา แล้วเมื่อไหร่ล่ะ เวลานั้นจะเดินมาถึง เธอคนนั้นต้องรอคอยถึงเมื่อไหร่กว่าเพื่อนคนหนึ่งจะเปิดปากเล่าความในใจกับ เธอ รอ รอ รอ ..... คงรอจนไม่อยากรอแล้วมั้ง


เพื่อนคนหนึ่งให้เธอผู้ ที่เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดรอ แต่กลับเพื่อนอีกคนหนึ่งเธอสามารถบอกได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก บางคนอาจไม่คิดอะไร แต่เธอเผอิญน้อยใจ และได้แต่คิด คิด และคิด 


ทำไมถึงคิดว่าเธอจะรับ ไม่ได้ล่ะ ทำไมถึงตัดสินใจเธอ ด้วยความคิดของตัวเอง เธออาจจะดูอ่อนแอ เธออาจขี้โวยวาย(นิดนึง) หรือแม้แต่เธอ เธอ เธอ แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็คือเพื่อนที่รักที่สุดไม่ใช่หรอ คนเรารักกันถึงจะเป็นร้ายแรงแค่ไหนมันก็ต้องรับกันได้ หรือไม่จริงล่ะ


การที่เธอไม่รู้อะไร มันทำให้เธอคิดไปไกลจากความเป็นจริง ถ้าไม่อยากให้รู้หรือไม่อยากบอกจริงๆ ก็ไม่ต้องมาพร่ำว่า "เดี๋ยวจะบอกนะๆ" หรืออย่าทำให้อะไรที่เหมือนว่าจะบอกเธอโดยการกระทำ ทั้งความเป็นห่วง และความอยากรู้มันมีอยู่ในตัวของทุกคน มันห่วงเพราะเป็นเพื่อนกัน ถ้าไม่ใช่เพื่อน เธอก็คงไม่สนและใส่ใจอะไรถึงเพียงนี้


เพื่อนกัน คือการแชร์ความรู้สึกต่อกัน ทั้งเรื่องราวที่สุข และเรื่องราวที่ทุกข์ไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึงต้องปิดๆ บังๆ ไม่แชร์ในสิ่งที่เพื่อนควรมีให้กันล่ะ


ลองคิดนะ ถ้าคุณเป็นคนที่รู้เป็นคนสุดท้าย มันจะรู้สึกยังไง ทั้งๆที่เป็นเพื่อนที่รักและสนิทที่สุด
.
.
.
ถ้าเพื่อนคุณมีปัญหา เดือดร้อน คุณอยากจะรู้เป็นคนแรกหรือคนสุดท้ายล่ะ หรือคุณไม่อยากรับรู้อะไรจากเพื่อนที่คุณรักเลย


ฉันเชื่อเสมอว่า ถ้าเพื่อนคนนั้นคือเพื่อนคุณจริงๆ ไม่ว่าจะปัญหาใหญ่แค่ไหน จะเดือดร้อนยังไงก็ตาม คุณผู้เป็นเพื่อนก็อยากที่จะรับรู้เรื่องราวเหล่านั้นเป็นคนแรกด้วยกันทั้ง นั้น ... อย่างน้อย ฉันก็คนหนึ่งที่อยากเป็นคนแรกที่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านั้นของเพื่อนที่ ฉันรัก และมันจะวิเศษที่สุด ถ้าเพื่อนของฉันบอกฉันด้วยปากของตนเอง
ปล. ไม่ใช่เรื่องของฉันหรอกนะ แต่บังเอิญว่าเธอคนนั้นเป็นเพื่อนที่ฉันรัก ก็เท่านั้นเอง
ปล. ขอบใจตาลมากๆ นะ ที่หอบเอาไปทิ้งให้ มันได้ผลจริงๆ ตอนนี้สบายขึ้นเยอะเลย แล้วก็ได้จดหมายแล้วนะ แต่ยังไม่ได้เปิด เดี๋ยวจะไปเปิดนี่ล่ะ :)

::Shopping Shopping::


วันนี้นะ เป็นวันที่ฉันค่อนข้างมีความสุขวันนึงเลยล่ะ
.
.
.
รู้สึกว่า ตัวเองไม่ได้เขียนเรื่องราวที่สนุกสนานลงในไดอารี่มานานมากแล้ว เพราะทุกทีมีอะไรก็จะระบายที่นี่ ไหนๆ วันนี้มีความสุข ไดอารี่ก็คงอยากมีความสุขด้วยเหมือนกัน ใช่มั้ยล่ะ ...
วันนี้ไม่มีเรียนเลย อิสระหนึ่งวัน ไม่มีอะไรทำ นั่งโดดเดี่ยวอยู่บ้าน เลยออกไปเดินเล่นแถวสยาม มันไม่ใช่สถานที่โปรดของฉันหรอกนะ แต่เพียงบางอารมณ์ไปเดินดูคนเยอะๆ ดูนู้น ดูนี่ก็มีความสุขไปอีกแบบ
ทีแรกตั้งใจว่าจะไม่ซื้อ อะไรทั้งสิ้น เพราะงบไม่ค่อยมี ตั้งแต่ปีที่แล้วฉันถลุงเงินซื้อของเป็นว่าเล่น อยากได้ก็ซื้อ ซื้อ ซื้อ จนตอนนี้หมดเกลี้ยง! จำได้ ตอนปีใหม่บอกกับตัวเองว่า จะใช้ตังให้น้อยลง จะเก็บไว้ไปเนปาล แต่ถึงตอนนี้ จะกลางปีแล้ว ฉันยังทำไม่ได้เลย กิเลสมันหนา ตัดไม่ขาดเสียที
ได้เสื้อมา 2 ตัว เห็นมันไม่แพงก็เลยซื้อมา ที่จริงแล้วปกติเป็นคนไม่ค่อยชอบใส่เสื้อยาวๆ เสียเท่าไหร่ เพราะช่วงตัวมันสั้น (แถมยังเท้าเล็กอีก) เสื้อบางตัว บางคนใส่อาจว่าพอดีกับตัว แต่เวลาฉันใส่มันจะรู้สึกว่ายาวมากๆ ยาวแบบใส่ออกมาแล้วทุเรศเลย เวลาซื้อเสื้อผ้าเลยหายากนิดนึง
ว่าแต่วันนี้ฉันอารมณ์ดีเลยถ่ายรูปมาโชว์ด้วย ฮาๆ^.^


       ตัวนี้ใส่แล้วยาวมากๆ ><     

ตัวนี้ใส่แล้วผอม ^.^


ก่อนกลับบ้าน มานั่งคุยกับเพื่อนที่ Coffee World จิบmochaไปคุยกันไป คุยครอบคลุมมาก มีประโยคนึง มันพูดออกมาแล้วฉันรู้สึกได้เลยว่า มันโตขึ้นแล้วจริงๆ
.
.
.
เป็นมั้ย เวลาเราจะซื้ออะไร แต่เรากลับได้อีกอย่างที่ไม่ต้องการ สำหรับฉัน มันเป็นอย่างนี้เกือบจะทุกครั้ง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องซื้อของนะ เมื่อเราอยากได้อะไร เรามักจะไม่ได้อย่างที่หวัง! แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังดีที่ได้สิ่งอื่นมาแทนแหละเนอะ
ปล. พี่ยามเช้าคะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ กายแข็งแรงดี แต่ใจอาจจะมีแผลนิดๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นมากมายอะไร
ปล. ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงเป็นใยทุกๆ คนนะคะ

::นอนไม่หลับ::



จากบทสนทนาของคนสองคนถึงเพื่อนรักอีก 2 คน
.
.
*เราอยากให้พวกเค้าได้เจอโลกที่กว้างขึ้น
*อืม..เหมือนกัน พวกเค้าก็คงคิดเหมือนพวกเรา
.
.
.
ฉันนั่งคิดไปคิดมา อย่างไหนล่ะที่เรียกว่ากว้าง อย่างไหนที่เรียกว่าแคบ อะไรนะที่เป็นเครื่องวัด
สังคม?             อืม ... คงใช่

แต่ละคนก็ มีสังคมที่แตกต่างกันไป ในแต่ละสังคมก็มีการกระทำ ความคิด คำพูดที่แตกต่างกันไปเช่นกัน แล้วฉันไปงี่เง่าเอาอะไรมาวัดล่ะเนี่ย อยู่เงียบๆคนเดียวพึ่งจะคิดได้ว่า ... ฉันมันงี่เง่าจริงๆ!
.
.
.
.
.
ระยะทางจากการก้าวสู่วัยที่ต้องรับผิดชอบอะไรต่างๆมากขึ้น มันเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวที่เข้าใจยากและลำบากนะ อย่างน้อยก็สำหรับฉัน
ถ้าได้เจอ เพื่อนเก่าๆ คงคิดว่าฉันเปลี่ยนและแปลกไปเยอะ อืม... อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ตัวฉันเองก็ยังรับรู้และรู้สึกได้ แต่เป็นการเปลี่ยนที่แปลกไปในทางที่ดีนะ ฉันคิดเช่นนี้ เป็นทางที่ดีสำหรับฉัน
ระหว่างคาบ เกี่ยวนี้ มีคนอยู่คนนึงที่ได้รับรู้ถึงคนเก่าและคนใหม่ในตัวฉัน ได้รับรู้ถึงช่วงที่มันกำลังผสมผสาน อย่างน้อยๆ คงมีคนเข้าใจฉัน เพียงคนเดียวก็ยังดี
หลายคนที่ ได้รู้จักกันในรอบปี คงเคยชินแล้วกับหลายการกระทำ หลายคำพูดที่ออกมาจากตัวฉัน แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังไม่ชิน และได้รู้จักกับฉันคน(ปัจจุบัน)นี้ไม่เท่าที่ควร ทำให้ความห่างของความรู้สึกมันลึกลงไปอีก ฉันพยายามปรับเข้าหาใครอีกหลายคน แต่จะให้เข้ากันได้ในทันทีคงยาก ฉันพยายามอยู่นะ ..... อย่าพึ่งเรียกร้องอะไรเกินขีดจำกัดของความพยายามนะ
.
.
.
.
.
ปัญหา ทุกคนต้องมีใช่มั้ย มันเป็นบทเรียนชั้นเลิศให้กับคนเรา ปัญหามาคู่กับการตัดสินใจ จะแก้ปัญหาอย่างไร คิดดีๆ นะ
เป็นเพื่อน กัน รับฟังปัญหา แก้ไขด้วยกัน มันโอเคเลยล่ะ ฉันยินดีให้ความช่วยเหลือกับเหล่าประจุบวกทุกคน ช่วยกันนะ ไม่ใช่โยนใส่ สำหรับประจุลบ รับฟัง คงเพียงพอ - เลวเนอะ .... ก็ฉันไม่ใช่คนดีอะไรนี่หน่า
.
.
คนเรามีจุดอ่อนและจุดแข็ง ควรใช้ให้เป็นประโยชน์นะ ว่าแต่ว่า คุณรู้หรือยังว่าอะไรคือจดอ่อนและจุดแข็งในตัวคุณ ?!?






ปล. มันเป็นอาการงี่เง่าของคนนอนไม่หลับ ....!!
ปล. ความรู้สึกที่น่าจะเหมือนเดิม มันเริ่มมีแผลแล้วนะ
ปล. เจ็บแปล๊บๆ แต่แค่ไม่ได้แสดงให้ใครเห็น แค่นั้นเอง

::กลับมา::




วู้ๆ ... หายไปเป็นชาติ ในที่สุดก็ได้เขียนแล้ว ......
.
.
.
เคยเป็นมั้ย มันมีอะไรให้คิด มันมีอะไรในใจ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันสิ่งนั้นคืออะไร
.
.
งงมั้ย ขนาดฉันเองยังงงกับตัวเองเลย ???
หรือ
เพราะมันมีเวลาว่างมาก เกินไป อยู่คนเดียวนานไป มันเลยฟุ้งซ่าน เก็บเรื่องนู้น เรื่องนี้มานั่งคิด คิดแล้วมันก็สะสม จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม และเรียงเป็นตั้งๆ ไปเรื่อยๆ อยู่ในหัว
.
.
เฮ้อ ...... อยากหายวับจากเรื่องบ้าๆ พวกนี้จัง
.
.
.
บัดดี้ไม่อยู่ไปอเมริกา - นี่รึเปล่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันบ้าๆ ไม่มีคนคอยปรับทุกข์ ไม่มีคนคอยให้คำปรึกษา เหมือนขาดแขนขาไปอย่างละข้าง ไม่เคยคิดเลยว่า เมื่อไม่มีคนๆนี้ ฉันห่อเหี่ยวได้เพียงนี้ .... มิถุนายน เมื่อเขากลับมา ฉันคงได้ร่าเริงอีกครั้ง
"ฮัลโหลๆ กลับมาเร็วๆ นะ พี่สาว" ..... เฮ้อ !
.
.
.
อยากไปทะเลจัง ใครก็ได้ฮิ้วฉันไปทีสิ ....