เรื่องเล่าวันฟ้าหม่น 001



หก ธันวาคม สองพันห้าร้อยห้าสิบเจ็ด
เมลเบิร์น
เมื่อวานนี้

"เสียงคลื่นซัดสาด มองเห็นไกลสุดขอบฟ้า 
มีทะเลทุกเวลาแต่บางทีไม่มีเธอ 
คลื่นซัดหาฝั่งเหมือนใจร่ำคร่ำครวญหา 
จากกันไปตามเวลา จากกันให้เธอสุขใจ"

หลังจากสวมกอด บอกลา และแยกย้ายกับจิงแถว Fitzroy แล้ว ฉันเดินรับลมลัดเลาะไปตามถนน Brunswick มาจนถึงแยก Victoria Parade ตั้งใจว่าจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ เหนื่อยเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับบ้าน

ทุกเมืองใหญ่ก็คงไม่ต่างกันมากซึ่งเมลเบิร์นก็ไม่ใช่เมืองที่ถูกยกเว้น เวลายามเย็นหนุ่มสาวน้อยใหญ่ต่างเร่งฝีเท้าเดินทางกลับบ้าน บ้านที่อบอุ่น บ้านที่ดูเหมือนว่าอบอุ่น บ้านที่ความอบอุ่นอาจเคยมีในวันเก่าก่อน หรือแม้แต่บ้านที่ความอบอุ่นไม่เคยได้ย่างกายเข้ามาชิดใกล้ บ้านในนิยามที่หมายถึงที่พักกาย บ้านในนิยามที่หมายถึงที่พักใจ

ระหว่างที่ฉันกำลังคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ในนิยามคำว่าบ้าน รถรางสาย 109 ก็มาจอดตรงหน้าพอดี ฉันจึงเปลี่ยนใจไปที่ๆ ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นบ้านที่ช่วยเติมความอบอุ่นให้หัวใจในเย็นวันศุกร์ที่ท้องฟ้าหมองหม่นอย่างเช่นวันนี้

Port Melbourne คือสถานีปลายทางของรถรางสายนี้ ใช่, ฉันมาทะเลในวันที่ฟ้าครึ้ม ลมโหมพัดแรง และดูท่าแล้วฝนก็กำลังตั้งเค้าอยู่ไม่ไกล ประหลาดหรือ? ไม่เลย ฉันแค่เป็นหนึ่งในคนส่วนน้อยที่ชอบทะเลหน้าฝนและรักทะเลหน้าหนาวก็เท่านั้นเอง

หนาว คือความรู้สึกที่รับรู้ได้ระหว่างเดินริมหาดมาเรื่อยๆ ไม่นานฝนก็เริ่มโปรย แม้ไม่หนักถึงขนาดต้องหาที่หลบ แต่มันก็ทำให้ฉันเปียกปอนอยู่ไม่น้อยเลยเหมือนกัน

ฝนก็เหมือนอารมณ์คน เธอว่ามั้ย? เธอลองสังเกตดูสิ ฝนน่ะมันอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป คล้ายกับอารมณ์ของคนเราที่มันเอาแน่เอานอนไม่ได้ ดูอย่างตอนนี้สิ จู่ๆ ฝนก็หยุดตกเสียอย่างนั้น แล้วอารมณ์ของฉันก็จมดิ่งสู่ห้วงความคิดถึงใครบางคนขึ้นมาเสียดื้อๆ 

ใครบางคนที่ฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาคือใคร หรือใครคนนั้นจะเป็นเธอ ใช่เธอหรือเปล่า หื้ม?

ที่จริงวันนี้ฉันมีเรื่องเล่าอีกเยอะแยะเลย แต่สงสัยจะดื่มน้ำเยอะไปหน่อย แถมทานไอศครึมมาด้วย ขอไปเดินหาห้องน้ำก่อนนะ แล้วว่างๆ จะมาเล่าให้ฟังใหม่

รักษาสุขภาพด้วยนะ คิดถึงเสมอ
ฉันเอง

No comments:

Post a Comment