::บันทึกไม่ลับในวันที่ไร้หยดฝนบนดอกหญ้า::


หากนี่คือวันอาทิตย์ในมหานครกรุงเทพ
ฉันคงหยิบหนังสือสารคดีท่องเที่ยวสักเล่มที่ยังอ่านไม่จบ
สมุดบันทึกเล่มเก่า ดินสอดีๆ สักแท่งใส่กระเป๋าสีน้ำตาลใบย่อม
สวมเสื้อยืดตัวเก่ง กางเกงขาสั้นคู่ใจ ใส่รองเท้าคู่ใหม่ที่เพิ่งซื้อมาจากตลาดนัด
และถ้าอากาศดีแบบวันนี้ฉันคงคว้ากล้องถ่ายรูปคู่กายไปด้วยแน่ๆ

ทุกครั้งที่ฉันได้มีเวลานั่งคิดทบทวน
สิ่งแรกที่ฉันรู้และตระหนักได้ทุกครั้งคือกาลเวลาไม่เคยรอใคร
ห้าเดือนแล้วสินะกับการใช้ชีวิตในดินแดนใต้เส้นศูนย์สูตรแห่งนี้
มันเร็วจนน่าใจหาย มันเร็วจนฉันแทบไม่ได้ตั้งตัว
ไม่ง่ายเลยที่จะคว้าเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาเก็บไว้

ฉันเคยคิดว่าฉันจะทำได้ดีกับการใช้ชีวิตที่นี่
แต่ความจริงนั้นกลับตรงกันข้าม ฉันตัดสินใจพลาดหลายครั้ง
ตกม้าตายในสถานการณ์ที่สมควรจะควบม้ากระโดดผ่านไปอย่างไร้ที่ติ
แต่นี่แหละ นี่แหละคือสิ่งที่เขาเรียกกันว่าชีวิต

ฉันเรียนหนัก มันหนักมากสำหรับคนที่ไม่ได้สนใจชีวิตในห้องเรียนอย่างฉัน
ห้าปีกับปริญญาตรีเทียบไม่ได้เลยกับการเรียนภาษาที่นี่
แต่นี่คืออีกหนึ่งทบเรียนชีวิตที่ฉันกำลังพิสูจน์ว่าหากฉันขยันและตั้งใจ
แม้ไม่ได้ดีเกินกว่าใคร แต่ฉันก็ทำได้ดีพอในแบบฉบับของฉัน

การแบ่งเวลาคือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากระยะเวลาห้าเดือนที่อยู่ที่นี่
ฉันใช้ชีวิตในห้องเรียนและไม่ลืมที่จะออกไปเก็บเกี่ยวชีวิตนอกตำรา
ผู้คน ภาษา และวัฒนธรรมต่างถิ่นสอนให้ฉันเปิดใจและเข้าใจโลกมากขึ้น
แม้ประสบการณ์เดินทางจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งที่ผ่านมาของฉันได้สอนหลายสิ่งอย่าง
แต่วันนี้ฉันกล้าบอกเลยว่ามันสู้ไม่ได้เลยกับการได้ลองใช้ชีวิตในดินแดนที่ไม่คุ้นชินอย่างจริงจัง

นี่คือวันอาทิตย์ในดินแดนใต้เส้นศูนย์สูตร
ฉันหยิบ The Kite Runner ที่อ่านไปได้เพียงไม่กี่หน้า
ในขณะที่อีกมือมีสมุดบันทึกเล่มใหม่สีเขียว ปากกาลูกลื่นสีน้ำเงิน
สวมเสื้อยืดแขนยาว กางเกงขาสั้นคู่ใจ ใส่รองเท้าแตะหนีบที่ใกล้ลาโลกเต็มที
แม้วันนี้อากาศดีแต่ฉันก็เลือกที่จะเก็บภาพถ่ายในวันนี้ด้วยกล้องจากโทรศัพท์มือถือ




แด่เธอ, พี่สาวผู้ที่อยู่ห่างไกลกันเกินครึ่งฟ้า
แด่เธอ, สาวเหนือผู้มาพร้อมรอยยิ้มสบายตา
แด่เธอ, หญิงสาวผู้หลงใหลในภาพถ่ายขาวดำ
แด่เขา, หมีหนุ่มที่เป็นมิตรที่สุดในจักรวาล

ด้วยรักที่มากมายและคิดถึงที่เกินกว่าจะหาคำใดมาบรรยาย
กุญแจ : )

No comments:

Post a Comment