::ฝนปีที่ยี่สิบหกยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่อง::


ฤดูฝนพัดผ่านมาอีกครั้ง มันเป็นฝนปีที่ยี่สิบหกของเรา ปีนี้ฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่อง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หากหัวใจยังคงมุ่งมั่นในรอยย่ำที่เลือกเดิน


สำหรับเราการเดินทางเป็นยาเสพติดที่ร้ายกาจและรุนแรงอย่างหนึ่ง หากเริ่มแล้วก็ยากที่จะหยุด เมื่อได้นั่งคิดทบทวนอีกทีเราออกเดินทางด้วยตัวเองติดต่อกันทุกปีมากว่า 7 ปีแล้ว เหมือนเป็นเวลานานแต่ในความรู้สึกกลับเหมือนเพียงลมพัดผ่านเพียงวูบเดียว


เราสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในระยะเวลา 7 ปีของการเดินทาง แรกเริ่มเราก็แค่เดินทาง เราหมายถึงเดินทางจริงๆ ไม่ได้จดหรือบันทึกอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เข้าปีที่สองที่สามเราเริ่มจดบันทึกเรื่องราวระหว่างทางเป็นตัวหนังสือ ผ่านไปอีกปีเราก็เริ่มจริงจังกับการถ่ายภาพบันทึกการเดินทางมากขึ้น และณ ปัจจุบันปีที่เจ็ดเรายังคงถ่ายภาพบันทึกการเดินทางและเริ่มเรียนรู้การถ่ายวีดีโอบันทึกรอยย่ำของสองเท้าในที่ต่างๆ ควบคู่กันไป

::ฝนตกลงกลางใจ::


คิดถึงเสียงฝนร่วงพรำกระทบหลังคา
คิดถึงกลิ่นดินดอกหญ้าหลังลมพัดฝนจางหาย
คิดถึงรุ้งบางพาดผ่านฟากฟ้ากว้างไกล
คิดถึงละอองไอหยาดฝนบนกลีบบัว


ในห้วงคะนึงของฤดูกาลฝนแล้ง

::ยี่สิบหก มกรา, หนึ่งวันดีดีดีดีดี::




วันนี้ตื่นเช้า ออกไปเดินเล่นที่สวนรถไฟ
การตื่นเช้าคือหนึ่งเรื่องดี


ระหว่างทางมีคนเป็นลมบนรถไฟ คนข้างๆ ช่วยกันพาน้องเขามานั่ง
การช่วยเหลือกันคือหนึ่งเรื่องดี


เดินเล่นคนเดียวเรื่อยๆ สักพักโก้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน
การพบพูดคุยกับโก้คือหนึ่งเรื่องดี


เดินคุยไปถ่ายรูปไป คุณพ่อ คุณแม่ ลูกสาว ลูกชาย พี่ ป้า น้า อา ต่างพากันมาเที่ยวสวน
การได้เห็นหลากหลายครอบครัวแบ่งปันเวลาให้กันและกันคือหนึ่งเรื่องดี


ทั้งหมดทั้งมวลมาจากความอยากถ่ายรูปขั้นสูงสุด
และการได้กดชัตเตอร์คืออีกหนึ่งเรื่องดี


ขอบคุณทุกเรื่องราวดีๆ ที่ผ่านเข้ามาให้เห็นและได้ไตร่ตรอง

::หนึ่ง มกรา ห้าหก::


นักเดินทาง
แบกเป้เร่ร้างสู่หนไหน?
ร้อยดงพันดอยด้นไป
เหนื่อยไหม? หัวใจคนจร

นักเดินทาง
ฤา? พระจันทร์สาปสร้างร่างหลอน
ร้างเรือนไร้รักแรมรอน
เหนื่อยนักพักนอนเพียงคืน

ดื่มดาวดิ่งดำทะเลสาบ
ดื่มแดดแผดอาบตราบตื่น
ดื่มลมห่มโหมโครมครืน
ดื่มกลืนดื่มกินวิญญาณ์

นักเดินทาง
แบกคำถามเร่ร้างไปข้างหน้า
รอใครสักคนดั้นด้นมา
แลกคำตอบตามประสานักเดินทาง

- บินทีละหลา, บินหลา สันกาลาคีรี

2555 คือปีแห่งการเดินทางของเรา แต่สิ่งที่หลงลืมร่วงหล่นระหว่างทางคือการจดบันทึก


2556 ก็ไม่ต่างอะไรจากปีที่แล้วมากนัก มีหลากหลายเส้นทางรอเราอยู่ในวันข้างหน้า แต่เราจะไม่หลงลืมการจดบันทึกการเดินทางอีกแล้ว และนี่จะทำให้ปีนี้แตกต่างและสมบูรณ์กว่าปีที่ผ่านมา


ด้วยรักและตระหนักในตัวตน

::บทบันทึกในเช้าวันหนึ่ง::


ยามเช้าวันจันทร์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีเทา เสียงเพลงคลอเบาในเรือนไม้ซึ่งถูกตกแต่งให้เป็นร้านกาแฟในฝัน เรานั่งติดริมถนนมีต้นไม้ต้นเล็กกั้นพอให้รู้สึกไม่ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว


เสียงนกจิ๊บๆ ร้องดังอยู่ลิบๆ สลับกับเสียงเครื่องยนต์จากสองล้อคันเล็ก แม้ไม่ใช่เสียงที่พึงปรารถนา แต่ทว่าไม่ได้ขัดข้องใจ


สายลมพัดเอื่อยให้ความรู้สึกเย็นที่ผิวกาย ฝนคงใกล้ร่วงหล่นเต็มที


นักเดินทางพลัดถิ่นหลายคนเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง บ้างกลับบ้าน บ้างหาที่ผ่อนกายพักใจแห่งใหม่ แต่ด้วยธรรมชาติไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่งนกทุกตัวจะกลับคืนสู่รัง


ณ ปาย

::มองเท้าบ้าง::





"คนเราเดินไปตามความฝัน ความฝันสุดขอบฟ้า เจิดจ้ากว่าดวงตะวัน แต่ความจริงนั้นอยู่ที่ปลายเท้าเราเอง"



คืนก่อนวันเดินทางครั้งล่าสุด เราแทบไม่ได้หลับได้นอน เก็บกระเป๋า จัดการ memory card เตรียมกล้อง เลือกหนังสือ และเลือกเพลงสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เราเริ่มทำ road mix cd มาหลายปีแล้ว มันช่วยให้เรื่องราวระหว่างการเดินทางมีสีสัน บางครั้ง, เราจดจำช่วงเวลานั้นๆ ได้ด้วยบรรยากาศข้างนอก บางครั้ง, เราจดจำช่วงเวลานั้นๆ ได้ด้วยบรรยากาศข้างใน เราหมายถึงทิวทัศน์และเสียงเพลง


3
เราเรียกช่วงเวลานี้ว่า "The Adventure Season" ในรอบ 3 เดือนนี้เราแบ่งการเดินทางออกเป็น 4 ครั้ง แต่ละครั้งต่างก็มีความเป็นตัวของตัวเอง การเดินทางครั้งแรกจบไปแล้ว ไปที่ๆ เคยไป ไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้ตื่นตา หากแต่สงบและสุขใจ


4
"ย่างเข้าเดือนหกฝนก็ตกพรำๆ" เขาว่ากันอย่างนั้น ฟ้าอาจกำลังร้องลั่น ฝนอาจกำลังร้องไห้ กบอาจกำลังร้องระงม แต่เราจะยังคงออกเดินทาง


5
ด้วยปลายเท้าเราเอง :)

::ไผ่แดง::


โดยปกติมีนวนิยายอยู่ไม่มากนักที่เราหลงใหลในบทประพันธ์ และหนึ่งในนั้นคือนวนิยายเสียดสีสังคมเรื่อง"ไผ่แดง"

ไผ่เป็นลำเป็นกลุ่มเป็นกอ ไผ่จะล้อเล่นลม
ไปตามทางที่เหมาะสม ไปตามทิศทางลม
ไผ่ตามพันธุ์ ต่างเผ่า ต่างกอ ไผ่ก็ยังต่างสี
ดังผู้คนในสังคมเรานี่ใยจะไม่ต่างกัน
คนละทาง คนละอย่าง คนละอุดมการณ์
แต่ก็มีจุดหมายเดียวกันเป็นเรื่องราวของชาวไผ่แดง
บ้างก็รู้กันอยู่แก่ใจ บ้างก็ฝันกันไป
แต่จงจำไว้ก่อนจะสายอย่าให้ใครมาสนตะพาย

- ไผ่แดง, เฑียรี่ เมฆวัฒนา

ทั้งบทประพันธ์และบทเพลงยังคงใช้ได้กับยุคนั้นจวบจบมาถึงยุคนี้ เราไม่แน่ใจว่ามันควรเป็นเรื่องที่น่ายินดีหรือน่าเศร้าใจกันแน่
 


แต่สุดท้าย, ไม่ว่าจะเป็นไผ่พันธุ์ใด มาจากเผ่าไหน จะกอใหญ่หรือเล็ก แม้แต่เป็นไผ่สีอะไรก็ตาม เราทุกคนต่างก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป และการประคองใจให้ยืนยัดกับเส้นทางที่เลือกเดินนี่ล่ะเป็นสิ่งสำคัญ