::The Northern Laos Series - ชีวิตบนยานพาหนะ::



หลังจากนั่งคลำเส้นทาง ที่กิน ที่พักมาหลายวัน ค่ำคืนวันออกเดินทางก็มาถึง เรานั่งรถไฟขบวน 69 ตามตารางเวลารถไฟจะออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงตอน 2 ทุ่มตรงและจะถึงสถานีรถไฟหนองคายตอน 7.45 ก่อนขึ้นรถไฟเราทำใจไว้แล้วกับ hard sell ขายอาหารและเครื่องดื่มของพี่ๆ บนรถไฟ แต่แปลกที่วันนี้ไม่มาป้วนเปี้ยนแถวเราเลย อาจจะเพราะมีพี่น้องชาวม้งเป็นเหยื่ออันโอชะไปแล้วก็เป็นได้






เราเลือกที่จะนอนชั้นบนเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายของพี่น้องชาวม้งร่วมขบวน เราจับใจความจากที่พวกเขาคุยกันได้ว่าพวกเขาเพิ่งบินตรงมาจากอเมริกาเพื่อกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด รุ่นพ่อรุ่นแม่ยังพูดภาษาถิ่นและภาษาไทยได้ แต่รุ่นลูกๆ นั้นพูดภาษาอังกฤษกันหมดแล้ว ครั้งนี้เรานอนหลับค่อนข้างสนิท ไม่เหมือนทริปที่นั่งรถไฟไปเชียงใหม่คนเดียวเมื่อปีที่แล้วที่พ่อหนุ่มฝรั่งวัยโจ๋เตียงข้างบนทำกิจกรรมช่วยตัวเองกลางดึก ซาวด์ก็ดัง เตียงก็สั่น จำได้ว่านอนหลอนหลับๆ ตื่นๆ ตลอดทั้งคืน


รถไฟไทยไม่เคยตรงต่อเวลา ดังนั้นการที่เรามาถึงหนองคายช้ากว่าเวลาที่กำหนดเพียงชั่วโมงเดียวเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากแล้ว แบกเป้ขึ้นบ่าแล้วเดินปรี่ไปซื้อตั๋วรถไฟขบวน 913 ที่จะพาเราไปสถานีรถไฟท่านาแล้ง ประเทศลาว อย่างที่บอกไว้เมื่อครั้งที่แล้วค่ะว่ารถไฟระหว่างประเทศขบวนนี้จะไม่ออกจากชานชาลาจนกว่ารถไฟขบวน 69 จากหัวลำโพงจะมาถึง ดังนั้นๆ ทำใจให้สบายและซึมซับบรรยากาศสองข้างทางได้ตามอัธยาศัยค่ะ




รถไฟสีม่วงคันเล็กน่ารักซึ่งซื้อต่อมาจากประเทศญี่ปุ่นค่อยๆ พาเราข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ไม่นานเท้าทั้งสองข้างก็ได้แตะแผนดินลาวค่ะ เพื่อนร่วมขบวนส่วนใหญ่ก็ตามคาดคือเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็ยังได้เจอพี่สาวชาวไทยที่มากับแฟนชาวต่างชาติกับลูกน้อย กับอีกหนึ่งหนุ่มไทยที่พูดจาไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่นัก ด่านท่านาแล้งนักท่องเที่ยวน้อยจริงค่ะ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและพี่ๆ คนขับรถรับจ้างก็น้องด้วย


ขั้นตอนการเข้าเมืองก็แค่กรอก immigration form จ่ายเงิน 50 บาท เป็นอันเสร็จพิธีสำหรับนักเดินทางที่ใช้แค่ passport ผ่านแดนค่ะ ส่วนชาวต่างชาติที่ต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศลาวด้วยก็จะรอนานนิดนึง




อย่างที่บอกไปว่าทุกอย่างที่ด่านท่านาแล้งน้อยไปหมด ผ่านด่านได้เร็วจริงแต่ก็เสียค่ารถเข้าเมืองแพงจริงเหมือนกัน เราตกลงกับพี่สาวชาวไทยกับหนุ่มใหญ่พูดจาไม่เข้าหูคนนั้นว่าจะเหมารถเข้าเมืองไปด้วยกัน แต่พอได้คุยต่อรองกับคนขับรถแล้วเขาไม่ลดให้เราเลยค่ะ แถมยังต้องไปเสียเวลาไปส่งพี่สาวที่โรงแรมในเมืองแล้วก็ส่งหนุ่มใหญ่ที่ตลาดเช้าอีกด้วย พอดีมีพี่คนขับรถอีกคนมาให้ราคาแบบฆ่ากันเห็นๆ ทำอย่างไรได้ล่ะคะ เบี้ยน้อยหอยน้อยก็ต้องใช้สอยประหยัดหน่อยล่ะค่ะ แต่ขนาดว่าประหยัดแล้วก็ยังโดนไป 200 บาทเพราะเราให้พี่เขาไปส่งที่สถานีขนส่งสายเหนือที่อยู่ค่อนข้างห่างจากตัวเมืองไปมากเหมือนกัน


45 นาทีผ่านไป รถกะบะที่แปลงสภาพเป็นรถรับจ้างสองแถวพาเรามาถึงสถานีขนส่งสายเหนือ เหตุผลที่เลือกไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายเหนือแทนสถานีขนส่งตรงตลาดเช้าเพราะรู้มาว่ารถจากตลาดเช้าที่ไปวังเวียงส่วนใหญ่จะเป็นรถตู้ซึ่งเป็นยานพาหนะที่หากเราเลี่ยงได้ก็พยายามจะเลี่ยง ถึงแม้รถตู้จะใช้เวลาเดินทางน้อยกว่ารถทัวร์ก็จริงแต่ก็อย่าลืมว่ามีบ่อยครั้งที่รถตู้พาผู้โดยสารไปไม่ถึงจุดหมาย




โชคชะตาเป็นใจเมื่อเรามาทันรถไปวังเวียงรอบ 11 โมงพอดี สภาพรถภายนอกดูดีเลยทีเดียวนะคะ คล้ายๆ รถป.1 บ้านเราเลยค่ะ แค่่ไม่เปิดแอร์เฉยๆ เรียกว่ารถปรับอากาศธรรมชาติ สนนราคาค่าเดินทางคนละ 60,000 กีบ ส่วนถ้าใครต้องการแลกเงินก็สามารถแลกเงินได้ที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วได้เลย เราก็แลกที่นี่ค่ะเพราะที่ด่านท่านาแล้งไม่มีที่ให้แลกเงิน เอาจริงๆ ก็คือมันไม่มีอะไรเลยค่ะ!


เรทแลกเปลี่ยน ณ วันเดินทาง 1 บาท = 250 กีบ




ส่วนนี่คือปี้(ตั๋ว)รถจากเวียนเทียนไปวังเวียงค่ะ คือว่า แบบว่า ลายมือคุณพี่ขายตั๋วดูหมอมากค่ะ คือแบบว่า คือว่า อ่านไม่รู้เรื่องเลยว่าขึ้นจากไหนแล้วจะไปลงไหน รู้แต่ว่ารถออก 11 โมงนะจ๊ะ ระวังตกรถ!!!

No comments:

Post a Comment