::ผ่านพบมาหลงรัก::


จริงๆ ยังเหลือทริปแม่ฮ่องสอน-ปายอีกหนึ่งตอนด้วยซ้ำ นานนมมากเลยใช่ไหม ต้องใช้เวลารื้อฟื้นความทรงจำสักเล็กน้อย!! แต่วันนี้มาต่อทริปเชียงคาน-อุดรธานีให้จบก่อนดีกว่า : )

เพราะไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่ การเดินทางไปไหนมาไหนเลยอยู่ที่ปาก โชคดีที่พนักงานในโรงแรมน่ารักและเป็นกันเอง พยายามช่วยเหลือบอกสถานที่เล่นที่กินให้รายละเีอียดดีเหลือเกิน โดยเฉพาะพ่อหนุ่มเบลบอยน่าตากรุ้มกริ่มช่วยบอกเส้นทางได้มาก และที่ๆ เขาแนะนำมาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ




ฉันเลือกที่จะนั่งรถสองแถวรอบเมืองแทนรถสกายแล็ป นอกจากราคาจะถูกกว่าแล้วยังทำให้ฉันเห็นสภาพบรรยากาศในตัวเมืองเต็มๆ นั่งรับลมเย็นไปเรื่อยๆ ไม่รีบไม่เร่ง เหมือนเป็นการนั่งรถรางชมตัวเมืองกรุงเทพฯยังไงยังงั้น หากแต่ดีกว่าตรงที่อากาศเย็นกว่า ผู้คนน้อยกว่า รถราไม่มากเท่า ซึ่งทำให้ไม่ต้องสูดดมเขม่าควันเข้าไปเยอะเหมือนอยู่กรุงเทพฯ




ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงฉันก็มายืนอยู่ที่สถานีขนส่งเก่าของที่นี่ ช่วงเย็นๆ อย่างนี้ทั้งผู้คนที่เตรียมเดินทางและผู้คนที่เพิ่งมาถึงเดินกันขวักไขว่กันเต็มไปหมด บรรยากาศโดยรอบก็ไม่ได้ต่างจากสถานีขนส่งอื่นๆ มากนัก ทุกบริษัทรถทัวร์ต่างพยายามหารายได้เข้ากระเป๋ากันอย่างขมักเขม้นเหมือนเดิม! ขากลับกรุงเทพ ฉันเลือกที่จะนั่งรถไปลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเลย ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่ามันอยู่ใกล้บ้านมากกว่าสถานีขนส่งหมอชิต แต่อยากจะบอกจริงๆ ว่าพนักงานบริการแย่อย่างถึงที่สุด เท่านั้นยังไม่พอ ผู้ร่วมเดินทางด้านหน้าก็ยังมารยาทแย่ไม่แพ้กัน ตอนเด็กๆ เขาอาจไม่เคยร้องเพลง "ความเกรงใจ"

ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี
ตรองดูสิทุกคนก็มีหัวใจ
เกิดเป็นคนถ้าหากไม่เกรงใจใคร
คนนั้นไซร้ไร้คุณธรรมประจำตัว


แต่ถึงแม้จะไม่เคยร้อง ความเกรงใจก็น่าจะอยู่ในจิตสำนึกของทุกๆ คนอยู่ดี :(




หลังจากเสร็จสิ้นการจองตั๋วรถทัวร์ ฉันก็เดินไปถามคุณน้าในร้านสะดวกซื้อว่าถ้าจะไปหนองประจักษ์ต้องนั่งรอสายอะไร แต่คุณน้าแนะนำว่าให้ฉันนั่งรถสกายแล็ปไปจะดีกว่า เพราะมันเย็นแล้ว รถไม่ค่อยวิ่ก็เลยทำตามที่เขาแนะนำ จำไม่ได้แล้วว่ากี่บาท แต่อยู่ราวๆ 40-60 นี่ล่ะ




หนองประจักษ์ เห็นปุ๊บฉันก็หลงรักปั๊บเลย มันเป็นหนองน้ำใหญ่ซึ่งเป็นสวนสาธารณะกลางเมืองอุดร แถวนั้นมีร้านอาหารให้เลือกมากมายหลายแบบ แต่ฉันสังเกตว่าคนอุดรฯรักสุขภาพ เพราะเห็นได้จากมีร้านน้ำผลไม้ปั่น และผลไม้สดเรียงรายเต็มไปหมด มื้อเย็นฉันเลือกที่จะกินจิ้มจุ่มเพราะดูแล้วท่าทางต้องอร่อยมากแน่ๆ และไม่ผิดหวังค่ะ ฉันยังติดใจอยากจะกลับไปจิ้มแล้วจุ่มอยู่เลย อ้อ! รวมถึงเอาเข้าปากด้วยนะ ;P เห็นว่ายังไม่ดึกมาก ก่อนกลับเข้าที่พักเลยได้เดินเล่นรอบๆ หนองประจักษ์ และยังไม่ลืมที่จะเดินไปถามร้านกาแฟเล็กๆ แถวนั้นถึงเวลาเปิด-ปิด เพราะตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นคงจะไม่ไปไหน จะมานั่งๆ นอนๆ เขียนโปสการ์ด ถ่ายรูป ซึมซับบรรยากาศอยู่แถวนี้นี่แหละ 






คืนนั้นจำได้ว่าหลับเป็นตาย มีความสุขอย่างถึงที่สุด เช้าวันรุ่งขึ้นเลยแจ่มใส หน้าตาผุดผ่อง อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ฉันเป็นคนที่ชอบสวนสาธารณะ ถ้ามีโอกาสก็มักจะไปนั่งๆ นอนๆ อยู่บ่อยๆ พอได้มาเชยชมสวนสาธารณะในฝันแบบนี้ก็เลยปลื้มเป็นพิเศษ หลายชั่วโมงที่นั่งๆ เดินๆ วนรอบหนองประจักษ์นั้นไม่เบื่อเลย ถ้าแถวบ้านมีสถานที่แบบนี้บ้างก็คงจะดี ฉันคงมาเดินเล่นทุกวัน






มองไปมองมาดวงตาคู่น้อยๆ ก็ไปบรรจบวัดๆ หนึ่ง ชื่อวัดโพธิสมภรณ์ซึ่งสวยสมกับเป็นวัดหลวง พอดีมีรูปท่านเจ้าอาวาสแปะอยู่บนบอร์ดกิจกรรมของทางวัด ท่านเจ้าอาวาสดูใจดีมากเลย ตอนยืนดูรูปก็อดยิ้มไม่ได้ : )






ตลอดระยะเวลาเกือบอาทิตย์จากกรุงเทพ-เชียงคาน-อุดรธานี ฉันมีความสุขมาก แม้จะเหนื่อย จะล้า จะตกใจ หรือเสียใจในบางเหตุการณ์ บางสถานที่มันดูเหมือนไม่มีอะไร แต่แล้วกลับแฝงเสน่ห์ที่น่าหลงใหลอยู่ภายใต้ความธรรมดานั้น คงจะเหมือนคนเรานี่ล่ะ ที่ภายนอกอาจจะดูไม่น่าสนใจนัก แต่เมื่อได้ทำความรู้จักกัน ได้ฟังเรื่องราวในตัวของเขา เราจะพบว่าเราได้หลงเสน่ห์เขาจนโงหัวไม่ขึ้นเสียแล้ว






อวสานแล้วค่ะ ;P


ขอบคุณสำหรับทุกๆ คำอวยพรในวันปีใหม่
ขอบคุณสำหรับทุกๆ โปสการ์ดและจดหมายที่ส่งมาให้นะคะ
มันคือของขวัญต้อนรับปีใหม่ที่มีค่ามาก

=)

No comments:

Post a Comment