::ชีวิตกับสายฝน::



หากชีวิตเปรียบเสมือนการเดินทาง เมื่อชีวิตพบเจอปัญหาก็คงไม่ต่างกับการเดินทางในม่านฝน
.........................................................
คนเราเดินทางเพื่ออะไรบางสิ่ง
บางคนเดินทางเพื่อตามหาความฝัน
บางคนเดินทางเพื่อหาความรู้
บางคนเดินทางเพื่อหาตัวตนที่แท้จริงของตนเอง
บางคนเดินทางเพื่อชำระจิตใจ
บางคนเดินทางเพื่อหาคู่ครอง
ฯลฯ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ การเดินทางทำให้เราได้ประสบการณ์ชีวิต ดีบ้างไม่ดีบ้างอาจอยู่ที่เวลา วิธี สถานที่ ผู้คน และตนเอง
.........................................................
คืนนี้สายฝนร่วงหล่นแทบ ไม่ลืมหูลืมตา สายลมพัดโหมอย่างบ้าคลั่ง หลายๆแห่งคงมีสภาพน้ำขังไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก ผู้คนที่อยู่บ้านหรือกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้วคงดีใจไม่น้อยที่รอดจากการ เปียกปอนในครั้งนี้ แต่ก็คงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ติดฝนตามสถานที่ต่างๆ หรือโชคร้ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุติดอยู่ภายในรถแท็กซี่บนทางด่วนโทลเวย์ (เหตุการณ์ที่พบเจอระหว่างทางกลับบ้านวันก่อน)

ถ้าเราเดินทางอยู่ที่ไหน ซักแห่งแล้วเกิดฝนตกขึ้นมา ก็คงเหมือนเรามีความสุขแล้วอยู่ดีๆ ปัญหาก็ต่างพรั่งพรูเข้ามาในชีวิต มันคงไม่เลวร้ายถ้าสายฝนนั้นไม่หนักหนาถึงขนาดเดินฝ่าไปไม่ได้ แต่ถ้ามันเลวร้ายจริงๆ จุดมุ่งหมายเดียวกันเวลาฝนตกคือการหาที่บังฝนเพื่อพักระหว่างทาง หรือหาร่มเพื่อหาตัวเองไปสู่ที่หมาย เหมือนกับเวลาเราเจอปัญหา จุดมุ่งหมายเดียวกันคือการแก้ไขปัญหา เราคงไม่ยืนอยู่กับที่ตากฝนเพื่อรอคอยวันเวลาให้ฝนหยุดตกหรอกจริงมั้ย เพราะไม่มีใครรับประกันว่าระยะเวลาของสายฝนที่ร่วงหล่นจะนานมากน้อยเพียงใด

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อฝนตก มันก็ต้องหยุด ดังนั้นเมื่อเราพบเจอปัญหา ซักวันมันก็ต้องจากไป
เราวิ่งหนีฝนได้ แต่อาจจะมีอาการไม่สบายกายในวันรุ่งขึ้น แต่อย่าลืมว่า เราวิ่งหนีปัญหาไม่ได้ เพราะถ้าหนี อาการในวันรุ่งขึ้นคงไม่เพียงไม่สบายกาย ใจของเราก็คงไม่สบายด้วย ดังนั้นอย่าลืมกางร่มเพื่อป้องกันอาการไม่สบายกายจากสายฝน และป้องกันอาการไม่สบายใจจากปัญหานะคะ
.........................................................
หากชีวิตเปรียบเสมือนการเดินทาง เมื่อชีวิตพบเจอปัญหาก็คงไม่ต่างกับการเดินทางในม่านฝน
27 กันยายน 2549
สองทุ่มกว่าๆ :)

No comments:

Post a Comment